“พาณิชย์” จับมือแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ คุมเข้มมาตรฐานสินค้าออนไลน์
รมว.พาณิชย์ เปิดงานประกาศคุมเข้มมาตรฐานสินค้าออนไลน์ จับมือ 16 หน่วยงานภาครัฐ ผนึกกำลังแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซชั้นนำ หวังปกป้องผู้บริโภค และ SME ไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (31 ม.ค.68) นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงานพิธีประกาศเจตจำนงความร่วมมือในการปกป้องคุ้มครองผู้บริโภค จากสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน บนแพลตฟอร์ม อีคอมเมิร์ซ (e-Commerce) ระหว่างหน่วยงานภาครัฐกับผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์ม ซึ่งจัดโดยกรมการค้าต่างประเทศ
เพื่อสร้างความร่วมมือในการกำกับดูแลสินค้า ที่วางขายบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ รวมถึงสร้างความตระหนักรู้ให้กับประชาชนเกี่ยวกับความสำคัญและความจำเป็นของการไม่ซื้อขายสินค้าที่ผิดกฎหมาย ซึ่งจะส่งเสริมการทำธุรกรรมซื้อขายสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซให้มีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้นและคุ้มครองเอสเอ็มอี (SME) ของไทย
โดยการประกาศเจตจำนงในครั้งนี้ เป็นมาตรการเสริมควบคู่ไปกับการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มงวดของหน่วยงาน ภายใต้คณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้าและธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งเกิดขึ้นจากความห่วงใยของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ต่อประชาชนไทย กับปัญหาสินค้านำเข้าไม่มีคุณภาพมาตรฐาน ตลอดจนธุรกิจต่างประเทศที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศอย่างฝ่าฝืนกฎหมาย ซึ่งจะช่วยปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคจากการขายสินค้าที่ไม่มีคุณภาพมาตรฐานบนแพลตฟอร์มแล้วและสร้างระบบนิเวศ (ecosystem) ในการดำเนินธุรกิจอีคอมเมิร์ซให้เติบโตอย่างยั่งยืน
สำหรับการจัดงานครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจาก หน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องและผู้ประกอบธุรกิจบริการแพลตฟอร์มชั้นนำ ที่จำหน่ายสินค้าในประเทศไทย เข้าร่วมประกาศเจตจำนง จำนวน 16 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.), สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.), สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.), สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.), กรมทรัพย์สินทางปัญญา, กรมพัฒนาธุรกิจการค้า, กรมการค้าต่างประเทศ, BIGXSHOW, eBay, Lazada, LINE SHOPPING, Nex Gen Commerce, NocNoc, Shopee, TEMU และ TikTok Shop
ภายหลังจากการประกาศเจตจำนงฯ นี้ หน่วยงานภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง จะมีการบูรณาการความร่วมมือระหว่างกันในการปกป้องคุ้มครองผู้บริโภคจากสินค้าที่ไม่ได้คุณภาพมาตรฐาน บนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซให้เห็นผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น เช่น การจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้ถึงการซื้อขายสินค้าที่มีคุณภาพมาตรฐานและถูกกฎหมายให้เข้าถึงผู้บริโภคและผู้ประกอบการออนไลน์ (Online) ในวงกว้าง รวมทั้งการจัดทำแนวปฏิบัติที่ดี (Best practice) ในการกำกับดูแลสินค้าที่ไม่มีคุณภาพมาตรฐาน เพื่อให้หน่วยงานมีแนวทางการทำงานร่วมกันที่ชัดเจน สามารถแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายพิชัย กล่าวอีกว่า ธุรกิจออนไลน์ในอนาคตจะเติบโตขึ้นต่อเนื่อง ดังนั้นต้องเซ็ตระบบให้มีมาตรฐาน มีคุณภาพ งานนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทุกภาคส่วนจะได้ประโยชน์ ตอนนี้แนวโน้มเศรษฐกิจไทยดีมาก การส่งออกปี 2567 โตถึง 5.4% และมีการขอส่งเสริมการลงทุน สูงถึง 1.13 ล้านล้านบาท ทั้งการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนที่ไหลเข้ามา จะเป็น Snowball Effect ที่จะช่วยผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าปีนี้การส่งออกไทยจะดีขึ้นอีก แต่ที่ยังมีปัญหาคือเรื่องหนี้เก่าที่เกิดจากเศรษฐกิจตกต่ำมานาน และเรื่องค่าเงินที่เริ่มแข็งค่า ต้องช่วยกันให้ประเทศไทยหลุดพ้นจากประเทศกับดักรายได้ปานกลางยกระดับรายได้ของคนส่วนใหญ่
ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยของสินค้า อาทิ อย., สมอ., สคบ. และศุลกากร ที่กำกับดูแลสินค้าที่นำเข้ามาในประเทศได้บังคับใช้กฎหมายตามอำนาจหน้าที่อย่างเคร่งครัดและต่อเนื่อง โดยช่วงเดือน ต.ค.-ธ.ค.67 สามารถดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดและฝ่าฝืนกฎหมายแล้ว 16,651 คดี มูลค่าความเสียหายรวม 984.69 ล้านบาท และผลดำเนินงานส่งผลให้การนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศทั่วโลก ผ่านอีคอมเมิร์ซในเดือน ก.ค.-ธ.ค.67 ลดลง 8% เหลือเฉลี่ยเดือนละ 3,645 ล้านบาท จากเดิมก่อนมีมาตรการ0 (ม.ค.- มิ.ย.67) เฉลี่ยเดือนละ 3,957 ล้านบาท