สแกน 3 หุ้น “ลิสซิ่ง” ลุ้นกำไร Q4 แกร่ง ชู TIDLOR โต 15%

จับตา 3 หุ้น “ลิสซิ่ง” ได้แก่ MTC-SAWAD-TIDLOR ลุ้นกำไรไตรมาส 4/67 แกร่ง เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า ชู TIDLOR เติบโตสุด 15%


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ฯ เริ่มทยอยรายงานผลประกอบการงวดไตรมาส 4/2567 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หลังจากปิดงวดบัญชีสิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.67 ทั้งนี้  “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจหลักทรัพย์ในกลุ่ม “ลิสซิ่ง” จากบทวิเคราะห์ที่มีการประเมินต่อผลประกอบการในไตรมาส 4/67 คาดการณ์ว่าจะออกมาเติบโตแข็งแกร่งเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และจากไตรมาสก่อนหน้า ได้แก่  MTC, SAWAD และ TIDLOR

โดย บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มกำไรไตรมาส 4/67 ของ บริษัท เงินติดล้อ จำกัด (มหาชน) หรือ TIDLOR อยู่ที่ 1,039 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยน่าจะเกิดขึ้นจาก Credit cost ที่ลดลงและรายได้ที่อยู่ในเกณฑ์ดีจากธุรกิจสินเชื่อและนายหน้าประกันภัยเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นหลัก

ขณะที่คาดว่าสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการดาเนินงานต่อรายได้จะสูงขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้าในไตรมาส 4/67 เป็น 58.10% จากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวมเงินรางวัลเพื่อจูงใจพนักงานที่อยู่ในระดับสูงตามฤดูกาล เงินลงทุนในด้านไอที ค่าใช้จ่ายการตลาด ฯลฯ ในไตรมาส 4/67 สำหรับในปี 67 คาดการณ์กำไรสุทธิอยู่ที่ 4,165 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยยังคงแนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายอยู่ที่ 20.50 บาท

ขณะที่  บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุว่า แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 ของ บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD อยู่ที่ 1,320 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ 2% จากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ย (Non-NII) เพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนหน้าจากรายได้การขายประกัน

อีกทั้งค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน (OPEX) ลดลง 2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 2% จากไตรมาสก่อนหน้าจากขาดทุนรถยึดลดลงเหลือ 150-200 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายสำรอง (ECL) ลดลง 31% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และลดลง 5% จากไตรมาสก่อนหน้า เพราะการชำระหนี้ของลูกหนี้ดีขึ้น สำหรับสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนหน้า คิดเป็น 1% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน จากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อจำนำทะเบียน ด้านคุณภาพสินทรัพย์ควบคุมได้ NPL Ratio ที่ 3.50% ใกล้กับไตรมาส 3/67 ที่ 3.49%

โดยคาดกำไรสุทธิปี 68 อยู่ที่ 5,517 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากปี 67 คาดทรงตัวเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนจากการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรวมการเพิ่มขึ้นของรายได้ประกันและการลดลงของค่าใช้จ่ายสำรอง(credit cost)

อย่างไรก็ตาม ทางฝ่ายวิจัยคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร” และคงราคาเป้าหมายเป็น 42 บาท

นอกจากนี้ ทางฝ่ายวิจัยระบุว่า คาดการณ์ บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/67 อยู่ที่ 1,510 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ 1% จากไตรมาสก่อนหน้า เพราะการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ย (NII) เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อนหน้าจากสินเชื่อรวมเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อนหน้า หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 15% ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันจากกลุ่มสินเชื่อที่มีหลักประกันเป็นหลักและการขยายสาขาที่ 8,172 สาขา เพิ่มขึ้น 8% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาสก่อนหน้า

ทั้งนี้ คาดกำไรสุทธิปี 68 อยู่ที่ 6,481 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เพราะการเพิ่มขึ้นของสินเชื่อรวม โดยมอง MTC คงแผนขยายสินเชื่อไปยังกลุ่มที่มีความเสี่ยงต่ำและเน้นคุณภาพของลูกหนี้เป็นหลัก สำหรับค่าใช้จ่ายสำรอง (credit cost) และ NPL Ratio มองว่าอยู่ระดับใกล้เคียงกับไตรมาส 4/67 โดยคงคำแนะนำ “ซื้อ” และคงราคาเป้าหมายอยู่ที่ 58 บาท

Back to top button