“บล.ทิสโก้” แนะถือ KBANK ชี้ร่วมทุน BAM จัดการหนี้เสีย-เพิ่ม ROE
บล.ทิสโก้ มอง KBANK จับมือ BAM หนุนบริการหนี้เสียดีขึ้น พร้อมเพิ่มอัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น ราว 0.02-0.04%
บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด ระบุผ่านบทวิเคราะห์ ถึงกรณีการร่วมลงทุนของ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK และ บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ BAM ว่า แม้จะมีบริหารสินทรัพย์ร่วมทุน (JV AMC) เพิ่มเติมจะสนับสนุนให้ KBANK ปัจจัยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพที่ดีขึ้นในการจัดการกับหนี้เสีย (NPL)
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์มองประเด็นดังกล่าวว่าจะไม่สามารถช่วยให้สามารถเคลียร์งบดุลได้เสร็จ โดยค่าใช้จ่ายต้นทุนด้านเครดิตจะลดลง แต่อาจจะต้องแลกด้วยบัญชีงบดุลที่อ่อนแอลง ทั้งนี้ ฝ่ายวิเคราะห์คาดการณ์ว่าราคาเป้าหมายที่ตั้งไว้ 160 บาท มีความเสี่ยงที่ผลตอบแทนอาจจะไม่น่าดึงดูดในมุมมองของฝ่ายนักวิเคราะห์ ทั้งนี้ยังคงคำแนะนำ “ถือ” KBANK ต่อไป
ขณะที่ จากการจัดการประชุมของ KBANK เพื่อชี้แจงรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับการร่วมลงทุน ดังกล่าวในสัดส่วน JV 50 ต่อ 50 กับ BAM เพื่อตั้ง AMC มีจุดที่เป็นปัจจัยสำคัญ คือ 1 BAM มีความรู้ความเข้าใจที่สามารถช่วยให้ธนาคารมีความสามารถในการจัดการกับหนี้เสียที่ดียิ่งขึ้น
2.การลงทุนในกิจการเริ่มต้น 1 หมื่นล้านบาท ใรสัดส่วน 50 ต่อ 50 ระหว่าง KBANK และ BAM และ 3. KBANK มีการวางแผนที่จะขายหนี้เสีน (NPL) และสินเชื่อที่ไม่ก่อรายได้ (NPA) มูลค่าราว 5-6 หมื่นล้านบาท ไปให้ในร่วมลงทุนในครั้งนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นหลักทรัพย์ที่มีหลักประกัน เช่น บ้านพักอาศัย อาคารพาณิชย์ ขณะที่ ลูกหนี้จะเป็นลูกค้ารายย่อยประมาณ 50% และ SME ประมาณ 50% ทั้งนี้ช่วงเวลาในการวางแผนขายหนี้เสียขึ้นอยู่กับช่วงเวลาจะขึ้นอยู่กับสภาพตลาด เศรษฐกิจ
4.การขายหนี้ (NPL) ให้กับผู้บริหารหนี้เสียที่เป็นบุคคลที่สาม Third Party ซึ่งจะช่วยลด NPL หากได้รับเงินขายที่ดี รวมทั้งอาจช่วยลดต้นทุนด้านเครดิตโดยรวมได้ โดยฝ่ายบริหาร KBANK กล่าวว่า JV นี้คาดการณ์ว่าจะช่วยเพิ่มอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) ได้ 0.02-0.04%ในช่วง 12 เดือนถัดไป