KJL อัดงบลงทุนปี 68 แตะ 150 ล้านบาท มุ่งเพิ่มไลน์ผลิต 30% ดันรายได้ทะลุ 1.4 พันลบ.

KJL การแผนงบลงทุนปี 68 ราว 100-150 ล้านบาท เดินหน้าขยายไลน์ผลิตเพิ่ม 30% พร้อมดันเครือข่าย KJL Network สู่ระดับ 1.5 หมื่นคน ตั้งเป้ารายได้ปีนี้แตะ 1.4 พันล้านบาท ทำนิวไฮอย่างต่อเนื่อง


นายเกษมสันต์ สุจิวโรดม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กิจเจริญ เอ็นจิเนียริ่ง อีเลคทริค จำกัด (มหาชน) หรือ KJL เปิดเผยว่า บริษัทมองแนวโน้มธุรกิจในปี 2568 ในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยได้รับแรงสนับสนุนจากความต้องการผลิตภัณฑ์ตู้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ยังขยายตัวได้ดี ทั้งจากโครงการภาครัฐที่มีการเบิกจ่ายงบประมาณต่อเนื่อง และความต้องการของภาคเอกชน โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานแสงอาทิตย์ที่ยังคงเติบโต

“รวมถึงอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะโซลาร์ ยังคงเป็นตลาดที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มติดตั้งในภาคครัวเรือน หรือภาคอุตสาหกรรม ซึ่ง KJL มีผลิตภัณฑ์ที่รองรับความต้องการของตลาดนี้ และยังคงพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง” นายเกษมสันต์ กล่าว

โดยปีนี้ บริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 30% เพื่อรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากทั้งลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ รวมถึงการพัฒนาไลน์ผลิตภัณฑ์ใหม่ที่ตอบโจทย์อุตสาหกรรมพลังงานทางเลือกมากขึ้น บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2568 ที่ 1,400 ล้านบาท โดยอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 30% ซึ่งสูงกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 28% ปัจจัยสนับสนุนมาจากการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต และการขยายตลาดใหม่ๆ

นายเกษมสันต์ กล่าวเพิ่มเติมว่า การลงทุนของภาครัฐ โดยเฉพาะโครงการโครงสร้างพื้นฐานและระบบไฟฟ้า เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ช่วยหนุนความต้องการอุปกรณ์ไฟฟ้าและตู้ไฟฟ้าของ KJL ซึ่งบริษัทมีความพร้อมในการรองรับออเดอร์จากภาครัฐ สำหรับมุมมองด้านการลงทุน นายเกษมสันต์ ระบุว่า KJL ยังคงเป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง

ทั้งนี้ คาดการณ์ว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลปี 2567 ไม่น้อยกว่า 0.33 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทน 4.9% ซึ่งยังคงเป็นจุดเด่นสำหรับนักลงทุนที่มองหาหุ้นปันผล “เรามั่นใจว่าแนวโน้มธุรกิจในปี 2568 จะยังคงเติบโตได้ดี และการขยายตัวของตลาดพลังงานแสงอาทิตย์จะช่วยเสริมให้ KJL สามารถรักษาการเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป

ขณะที่ KJL วางแผนงบประมาณลงทุนปี 2568 ไว้ที่ประมาณ 100-150 ล้านบาท โดยจะนำไปใช้ขยายกำลังการผลิตสินค้า ซึ่งคาดว่าการลงทุนในการขยายกำลังการผลิตจะเสร็จสิ้นพร้อมกับการเปิดศูนย์นวัตกรรม (KJL Innovation Campus)

อย่างไรก็ตาม หากพูดถึงกลุ่มธุรกิจที่มีการเติบโตโดดเด่น KJL แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ได้แก่ 1.) กลุ่มไฟฟ้าและพลังงานสะอาด (โซลาร์เซลล์), 2.) กลุ่มไฟฟ้า (EV) และ 3) กลุ่ม Data Center โดยคาดว่าการเติบโตหลักจะมาจากกลุ่มไฟฟ้าคาดการณ์เติบโตอยู่ที่ 10-17%

นอกจากนี้ KJL มีแผนขยายเครือข่าย KJL network จาก 10,000 คนเป็น 15,000 คนภายในปลายปี 68 และขยายจำนวนร้านค้าจาก 1,000 ร้านเป็น 1,200 ร้าน ส่วนในปี 2567 ที่ผ่านมา บริษัทได้ออกผลิตภัณฑ์หลากหลาย เช่น สินค้ากลุ่มพลาสติกและตู้ไฟ รวมทั้งมีการร่วมมือกับพันธมิตรสำคัญ เช่น การเซ็นสัญญากับ Schneider Electric ผู้นำด้านอุปกรณ์ไฟฟ้าและพลังงานสะอาดระดับโลก ซึ่งจะมีการต่อสัญญาร่วมกันอีกในปีนี้

ส่วนของการลงทุน Data Center นั้น ที่ผ่านมาบริษัทเคยร่วมงานกับ Amazon แล้ว และคาดว่าจะรับงาน Data Center ในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้บริษัทเริ่มรับรู้รายได้จากส่วนนี้ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป สุดท้ายนี้ บริษัทคาดว่ารายได้และกำไรในปี 2567 จะทำสถิติสูงสุด และสามารถรักษาการเติบโตที่ดีในปี 2568 ต่อไป

ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด ระบุผ่านบทวิเคราะห์ถึง KJL คาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/2567 เติบโตแข็งแกร่งแตะ 50 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15.5%จากไตรมาสก่อนหน้า และ 63.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน รับอานิสงส์คำสั่งซื้อฟื้นตัวหลังน้ำท่วม

รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar) ที่ยังคงแข็งแกร่ง โดยคาดการณ์รายได้ไตรมาส 4/2567 ที่ 306 ล้านบาท เติบโต 5.0% จากไตรมาสก่อนหน้าและ 11.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมและออเดอร์จากกลุ่มลูกค้าโซลาร์ ทั้งในภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ ขณะเดียวกัน อัตรากำไรขั้นต้น (GPM) คาดว่าจะขยับขึ้นเป็น 32.0% จาก 30.3% ในไตรมาสก่อน

ส่วนของปี 2568 บริษัทตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 1,400 ล้านบาท คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 30% สูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 28% สะท้อนถึงแนวโน้มกำไรที่อาจออกมาดีกว่าคาดการณ์ Yuanta ยังคาดอีกว่า KJL จะจ่ายเงินปันผลในช่วงครึ่งปีหลังของ 2567 ที่ 0.33 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ที่ 4.9%

ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายที่อัตราส่วนราคาต่อกำไร (PER) ปี 2568 เพียง 8.2 เท่า ซึ่งยังอยู่ในระดับต่ำ แม้ว่า Yuanta จะปรับลด PER เป้าหมายจาก 14.5 เท่า เป็น 12.0 เท่า เพื่อสะท้อนสภาพคล่องในตลาดที่ลดลง แต่ยังคงให้ราคาเป้าหมายปี 2568 ที่ 9.90 บาท ซึ่งมีอัพไซด์ 47.8% จากราคาล่าสุดที่ 6.70 บาท Yuanta มองว่า KJL เป็นหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อ การเติบโตของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ และศักยภาพในการขยายกำลังการผลิต ทำให้ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” พร้อมให้นักลงทุนจับตาการเติบโตของบริษัทในปี 2568

Back to top button