VRANDA แจ้งคำพิพากษาศาลฯ “คดีที่ดิน” ไม่กระทบโรงแรม “Verso Hua Hin” เตรียมยื่นอุทธรณ์
VRANDA แจ้งผลคำพิพากษาศาล คดีที่โฉนดดิน แต่ไม่กระทบการธุรกิจโรงแรม Verso Hua Hin และสถานะการเงิน พร้อมเตรียมพิจารณาอุทธรณ์ต่อไป
นายภวัฒก์ องค์วาสิฏฐ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วีรันดา รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ VRANDA แจ้งผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ขอเรียนให้ทราบว่า ในวันที่ 31 มกราคม 2568 ศาลจังหวัดหัวหิน (ซึ่งเป็นศาลชั้นต้น)
ในคดีหมายเลขดา ที่ ผบ. 132/2566 ซึ่งโจทก์ นิติบุคคลอาคารชุด วีรันดา เรสซิเด้นซ์ หัวหิน กับพวกรวม 2 คน ได้ยื่นฟ้องบริษัทฯ ต่อศาลเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2556 ได้มีคำพิพากษาให้บริษัทฯ จดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดที่ดินเลขที่ 81254 และ 82765 ตำบลหนองแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขนาดที่ดินรวม 15.5 ตารางวา และจดทะเบียนโอนเฉพาะพื้นที่สระว่ายน้ำริมทะเล ร้านสกู๊ป บีช คาเฟ่ และร้านเพจ บีชบาร์ ขนาดประมาณ 90 ตารางวา เป็นทรัพย์ส่วนกลางของนิติบุคคลอาคารชุด วีรันดา เรสซิเด้นซ์ หัวหิน หากไม่สามารถจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ได้ ให้บริษัทฯ ชดใช้ราคาแทน
ทั้งนี้ เพื่อความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล บริษัทฯ ขอเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวเพื่อเป็นข้อมูลแก่ผู้ถือหุ้นและชี้แจงให้ทราบเพิ่มเติมว่า ที่ดินที่พิพาทตามคาพิพากษาดังกล่าวเป็นเพียงส่วนหนึ่งของที่ตั้งของโรงแรมขนาดเล็ก-39 ห้อง Verso Hua Hin (“โรงแรมฯ”) ซึ่งเป็นทรัพย์สินของบริษัทฯ ทั้งนี้ คำพิพากษาศาลชั้นต้นดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบต่อกรรมสิทธิ์ในที่ดินของโรงแรมฯ ในส่วนที่เป็นสำระสำคัญ และไม่ใช่ส่วนที่เป็นที่ตั้งของอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวกหลักของโรงแรมฯ โดยโรงแรมฯ จะยังคงมีร้านอาหารหลักและสระว่ายน้ำอีก 3 สระ
ขณะที่ บริเวณพื้นที่โดยรอบของสระว่ายน้ำริมทะเล ร้านสกู๊ป บีช คาเฟ่ และร้านเพจ บีชบาร์ ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของบริเวณริมชายหาด ไม่ได้ถูกพิพากษาให้โอนเป็นทรัพย์ส่วนกลางของนิติบุคคลอาคารชุด วีรันดา เรสซิเด้นซ์ หัวหิน ไปด้วย ดังนั้น บริษัทฯ จึงยังคงสามารถดำเนินการประกอบธุรกิจโรงแรมฯ ต่อไปได้ โดยลูกค้ายังสามารถเข้าพักและใช้บริการโรงแรมฯ รวมถึงใช้สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ได้ตามปกติ
นอกจากนี้ บริษัทฯคาดว่าผลของคำพิพากษาศาลชั้นต้นจะไม่ส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสถานะทางการเงินของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ ประเมินว่ามูลค่าตามบัญชีของพื้นที่สระว่ายน้ำริมทะเล ร้านสกู๊ป บีช คาเฟ่ และร้านเพจ บีชบาร์ที่ศาลจังหวัดหัวหินพิพากษาให้จดทะเบียนโอนนั้น มีมูลค่าประมาณ 20.5 ล้านบาท (คิดเป็น 0.39% จากสินทรัพย์รวม) ทั้งนี้ ในส่วนของที่ดินโฉนดเลขที่ 81254 และ 82765 ซึ่งเป็นที่ดินภาระจายอม และโรงแรมฯ ไม่ได้มีการใช้งาน ได้มีการสารองด้อยค่าไปก่อนหน้านี้แล้วเมื่อปี 2563
อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า คำพิพากษาดังกล่าวเป็นเพียงคำพิพากษาของศาลชั้นต้น โดยในขณะนี้บริษัทฯ อยู่ระหว่างการขอคัดถ่ายสำเนาคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์จากศาล ซึ่งภายหลังจากที่ได้รับคำพิพากษาฉบับสมบูรณ์จากศาลแล้ว บริษัทฯ จะพิจารณาแนวทางการใช้สิทธิอุทธรณ์ และ/หรือ ฎีกาในลำดับต่อไป ซึ่งคาดว่าจะใช้เวลาในศาลอีกไม่น้อยกว่า 2-4 ปี และบริษัทฯ จะรายงานความคืบหน้าตามความเหมาะสมต่อไป