JTS ยื่นไฟลิ่งออกหุ้นกู้ 2 ชุด ดอกเบี้ยสูง 7.25% ขายสถาบัน-รายใหญ่ เปิดจอง 18-20 ก.พ.นี้

JTS เตรียมเสนอขายหุ้นกู้จำนวน 2 ชุด อายุ 2 ปี และ 3 ปี ขายผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ตั้งแต่วันที่ 18-20 ก.พ.68 เสริมแกร่งธุรกิจให้บริการระบบโครงข่ายโทรคมนาคม และธุรกิจเหมืองบิทคอยน์


บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาวครั้งที่ 1/2568 จำนวน 2 ชุด  อายุ 2 ปี และ 3 ปี ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ให้กับผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ ตั้งแต่วันที่  18-20  กุมภาพันธ์ 2568   ซึ่งปัจจุบัน JTS มีธุรกิจให้บริการระบบโครงข่ายโทรคมนาคมเป็นรายได้หลักของกลุ่มบริษัทที่มีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการให้บริการวงจรเช่าภายในประเทศและระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และธุรกิจเหมืองบิทคอยน์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

นายซัง โด ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS กล่าวว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ มีประกัน มีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน จำนวน 2 ชุด คือ หุ้นกู้ชุดที่ 1 อายุ 2 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 6.75%-6.85% ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2570  และหุ้นกู้ชุดที่ 2 อายุ 3 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ 7.15%-7.25% ชำระดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ครบกำหนดไถ่ถอนในปี 2571

โดยหุ้นกู้ทั้งสองชุดได้รับการค้ำประกันเงินต้นและดอกเบี้ยโดยบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS  ซึ่งมีสถานะทางการเงินที่มั่นคงและมีหนี้สินในระดับต่ำ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/2567 มีอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.38 เท่า และอัตราส่วนสภาพคล่อง 2.67 เท่า รวมถึงมีส่วนของผู้ถือหุ้นรวม 10,550 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของ JAS จะช่วยเสริมความมั่นใจให้กับผู้ลงทุน โดยหุ้นกู้ของบริษัทฯ เตรียมเสนอขายให้แก่ผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนรายใหญ่ (II&HNW) ตั้งแต่วันที่ 18 – 20 กุมภาพันธ์ 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนดไถ่ถอนในเดือนเมษายน ปี 2568

ทั้งนี้กลุ่มบริษัทมีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้น โดยในงวด 9 เดือนของปี 2567 กลุ่มบริษัทมีรายได้รวม 2,148 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 23  เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และสามารถทำกำไรสุทธิได้ 451 ล้านบาท  คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิร้อยละ  21  อีกทั้งธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคม ซึ่งเป็นรายได้หลักของกลุ่มบริษัทยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่องจากการให้บริการวงจรเช่าภายในประเทศและระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น

นอกจากนี้กลุ่มบริษัทยังได้ขยายโครงข่ายและศูนย์ข้อมูล (Data Center) เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการที่ครบวงจร พร้อมรองรับแนวโน้มการเติบโตของธุรกิจ Generative AI ในอนาคต และยังคงมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีของแพลตฟอร์ม Generative AI เพื่อต่อยอดธุรกิจโทรคมนาคมและอินเทอร์เน็ต และการให้บริการคลาวด์คอมพิวติ้ง อีกทั้งธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลยังคงมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีโดยได้รับปัจจัยบวกจากนโยบายของสหรัฐที่อาจนำมาซึ่งแนวทางการกำกับดูแลที่ผ่อนปรนมากขึ้นในตลาดสกุลเงินดิจิทัล

สำหรับนักลงทุนที่สนใจ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมและติดต่อจองซื้อหุ้นกู้ผ่านผู้จัดการการจัดจำหน่าย ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ บลูเบลล์ จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ บียอนด์ จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ สยามเวลธ์ จำกัด

Back to top button