
“ซินหัว” วิเคราะห์! การเยือนจีนของ “แพทองธาร” หนุนความเชื่อมั่นนักลงทุน-นักท่องเที่ยว
สำนักข่าวซินหัว รายงานถึงการเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการของ นายกฯ “แพทองธาร” ของไทย มุ่งกระชับความสัมพันธ์ ครบรอบ 50 ปี พร้อมฟื้นฟูการท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (5 ก.พ.68) นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้ออกเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการ (Official Visit) ณ กรุงปักกิ่ง และจะเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ฤดูหนาว ครั้งที่ 9 ณ นครฮาร์บิน ระหว่างวันที่ 5-8 ก.พ.68
สำนักข่าวซินหัว รายงานบทวิเคราะห์เกี่ยวกับการเดินทางเยือนสาธารณรัฐประชาชนจีนอย่างเป็นทางการของนางสาวแพทองธารว่า ปี 2568 ถือเป็นโอกาสครบรอบ 50 ปี แห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างจีนและไทย จึงคาดว่าการเดินทางเยือนครั้งนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคี รวมถึงการขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันทั้งสองฝ่ายและเพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวจีนในการเดินทางมายังประเทศไทย
นางสาวแพทองธารเดินทางเยือนจีนอย่างเป็นทางการ นับตั้งแต่ที่เข้าทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี คนที่ 31 ของไทย ในเดือนสิงหาคม ปี 2567 โดยหลังจากรับตำแหน่งได้ไม่นาน เธอได้ยืนยันถึงความมุ่งมั่นที่จะกระชับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยและจีน ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
“เน้นย้ำว่ามิตรภาพระหว่างสองประเทศตั้งอยู่บนพื้นฐานของความไว้วางใจและความเคารพซึ่งกันและกัน ซึ่งการมีวิสัยทัศน์ร่วมกันเช่นนี้จะนำไปสู่ความเจริญรุ่งเรืองและความก้าวหน้า ตลอดจนสายสัมพันธ์ฉันครอบครัวระหว่างประชาชนของเรา”
ซินหัว ยังรายงานถึงการให้สัมภาษณ์ของนางสาวแพทองธาร เมื่อวันที่ 4 ก.พ. ที่ผ่านมาว่า การเยือนจีนครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างไทยและจีน รวมทั้งเป็นการเฉลิมฉลองครบรอบ 50 ปีแห่งความสัมพันธ์ทางการทูตและเสริมสร้างความร่วมมือทางเศรษฐกิจ
สำนักงานศุลกากรจีน เปิดเผยข้อมูลในเดือน ม.ค.68 ว่า จีนเป็นหนึ่งในแหล่งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ หรือ FDI ที่ใหญ่ที่สุดของไทยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยการค้าทวิภาคีระหว่าง 2 ประเทศ มีมูลค่าสูงถึง 1.3398 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐโดยในปี 2567 เพิ่มขึ้น 6.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
สำนักข่าวซินหัว เปิดเผยบทสัมภาษณ์ของ นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอว่า การลงทุนของจีนในภาคส่วนสำคัญ รวมถึงอิเล็กทรอนิกส์ แผงวงจร เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ ศูนย์ข้อมูล และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) นั้น มีความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การพัฒนาอุตสาหกรรมและลำดับความสำคัญของรัฐบาลไทย ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการพึ่งพาทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งระหว่าง 2 ประเทศ
“ผู้ผลิตรถยนต์จีนหลายรายได้เลือกไทยเป็นฐานการผลิต ซึ่งมีส่วนช่วยในการเปลี่ยนแปลงระบบนิเวศยานยนต์ในประเทศไทยด้วยการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับการผลิตและห่วงโซ่อุปทานสำหรับ EV และชิ้นส่วน EV”
ด้าน ดร.วิรุฬห์ พิชัยวงศ์ภักดี ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางไทย-จีน กล่าวว่า จีนและไทย จำเป็นต้องกำหนดพื้นที่ใหม่ ๆ สำหรับการเติบโตในแง่ของการลงทุนและการค้า โดยอนาคตของความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทยและจีนอยู่ที่กำลังการผลิตใหม่ที่มีคุณภาพ โดยมุ่งเน้นที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง พลังงานหมุนเวียน และเศรษฐกิจดิจิทัล โดยคาดว่านวัตกรรมและการพัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงและมีมูลค่าเพิ่มสูงนั้น จะเป็นทิศทางสำคัญสำหรับทั้งสองประเทศในอนาคต
ส่วนอีกจุดมุ่งหมายหนึ่งในการเยือนจีนของนางสาวแพทองธาร คือ การเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน (people-to-people exchanges) และส่งเสริมการท่องเที่ยวจีนในไทย
ดร.โภคิน พลกุล นายกสมาคมวัฒนธรรมและเศรษฐกิจไทย-จีน กล่าวว่า นับตั้งแต่มีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและจีน ความเป็นหุ้นส่วนของทั้ง 2 ประเทศได้ขยายครอบคลุมถึงการค้า การศึกษา และวัฒนธรรม โดยการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศถือเป็นหัวใจสำคัญ โดยในปี 2567 ทั้ง 2 ประเทศได้ลงนามในข้อตกลงยกเว้นวีซ่าเพื่อส่งเสริมการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน
อีกทั้งข้อความในวิดีโออวยพรเทศกาลตรุษจีนที่ส่งให้กับสำนักข่าวซินหัวเมื่อเร็ว ๆ นี้ นางสาวแพทองธารได้เน้นย้ำถึงสายสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมอันยาวนานระหว่าง 2 ประเทศ และแสดงความเชื่อมั่นว่ามิตรภาพและความร่วมมือจะยังคงแน่นแฟ้นยิ่งขึ้นเพื่อประโยชน์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ
ซินหัว ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ที่นักแสดงชาวจีนหายตัวในประเทศไทย และได้สร้างความกังวลเป็นวงกว้าง เมื่อไม่นานมานี้ ว่านางสาวแพทองธารได้ดำเนินการในเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว กระทั่งต่อมาเจ้าหน้าที่ได้พบตัวนักแสดงชาวจีนคนดังกล่าว และส่งกลับจีนอย่างปลอดภัย นับตั้งแต่นั้นนายกรัฐมนตรีไทยได้ย้ำถึงความมุ่งมั่นของไทยในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติและการรับรองความปลอดภัยของผู้มาเยือนจากต่างประเทศหลายครั้ง
ขณะที่ เดือน ม.ค. ที่ผ่านมา สำนักนายกรัฐมนตรี ได้เผยแพร่วิดีโอที่สร้างด้วย AI ซึ่งแสดงให้เห็นภาพของ นางสาวแพทองธาร พูดภาษาจีนเพื่อคลี่คลายความกังวลเกี่ยวกับชาวจีนที่ถูกหลอกให้เข้าร่วมในการขบวนการหลอกลวงในพื้นที่ชายแดน โดยนายกรัฐมนตรีของไทยให้ความเชื่อมั่นว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวทุกคน และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพิ่มความร่วมมือ ปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัย และต่อสู้กับอาชญากรรมข้ามชาติอย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมยกข้อมูลของทางการไทย ระบุว่า ในปี 2567 ไทยต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากกว่า 35 ล้านคน ซึ่งจีนเป็นนักท่องเที่ยวรายใหญ่ที่สุด มีจำนวนมากกว่า 6.7 ล้านคน
นางสาวฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยกับสำนักข่าวซินหัวว่า ข้อมูลนี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของนักท่องเที่ยวจีนที่มีต่อเศรษฐกิจไทย โดยการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวจีนไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวและการจ้างงานของไทยเท่านั้น แต่ยังมีส่วนช่วยในการพัฒนาหลายภาคที่สำคัญในระบบเศรษฐกิจ เช่น การเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารอีกด้วย