ศาลคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก “พิรงรอง” 2 ปี ผิด ม.157 ลุ้นประตัว
คดี "ทรูไอดี" ฟ้อง! ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุก “พิรงรอง” 2 ปี ไม่รอลงอาญา ผิด ม.157 ลุ้นประตัว ไม่เช่นนั้นต้องพ้นจาก กรรมการ กสทช.
ผู้สี่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (6 ก.พ.68) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ตลิ่งชัน มีคำพิพากษา คดีระหว่างฝ่ายโจทก์ บริษัท ทรูดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ยื่นฟ้อง ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์
ในข้อหาเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ จากการให้สำนักงาน กสทช. ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบกิจการโทรทัศน์และวิทยุ 127 ให้ตรวจสอบการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านการให้บริการกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ต (Internet TV Box) และแอปพลิเคชัน ทรูไอดี (True ID) เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากผู้ใช้บริการว่ามีการแทรกโฆษณา
ทั้งนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตฯ ตัดสินให้ ดร.พิรงรอง กรรมการ กสทช. มีความผิดตามมาตรา 157 จำคุก 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา
โดยแนวทางการพิจารณาให้เหตุผลว่า ทรูไอดี เป็นกิจการ OTT หรือ Over-The-Top หรือการให้บริการสตรีมเนื้อหาผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ตไม่มีใบอนุญาตจาก กสทช. และกสทช. ยังไม่ออกแนวปฏิบัติว่า แพลตฟอร์ม OTT ต้องขอใบอนุญาตจาก กสทช. ทรูไอดี จึงเป็นกิจการบริการทั่วไปที่ไม่มีใบอนุญาต
แตกต่างจากผู้ประกอบการ IPTV, ทีวีดาวเทียม และเคเบิ้ลทีวี ที่ประกอบกิจการแบบใช้โครงข่ายที่ต้องขอใบอนุญาตจาก กสทช. และมีแนวปฏิบัติที่ชัดเจน
แต่การประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ ที่มี ดร.พิรงรอง เป็นประธาน ได้แจ้งสำนักงานฯ ให้ตรวจสอบ ทรูไอดี ที่เป็นแอปฯ บริการของเอกชน เพื่อตรวจสอบโฆษณาและเนื้อหาที่ให้บริการผ่านแอปฯ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบ เข้าข่ายจงใจกลั่นแกล้ง ตามที่บริษัทฯ (โจทก์) ให้การ
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ขณะนี้ ดร.พิรงรอง อยู่ระหว่างยื่นขอประกันตัว
ซึ่งต้องติดตามต่อไปว่า ศาลฯ จะอนุญาตประกันตัวหรือไม่ หากไม่ได้รับสิทธิ์ให้ประกันตัวระหว่างรอการอนุมัติการอุทธรณ์ จะทำให้ ดร.พิรงรอง ต้องสิ้นสภาพการเป็น กรรมการ กสทช. ทันที
ทั้งนี้ ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 7 (6) และ (7) กำหนดลักษณะต้องห้ามของกรรมการ กสทช. ว่า เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือเคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท หรือความผิดลหุโทษ
ขณะเดียวกัน ผู้ที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 มีโทษคุกตั้งแต่ 1-10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาท ถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สรุปคำพิพากษา