จังหวะช้อน “หุ้นโรงแรม” ราคาสะท้อนปัจจัยลบ ชู MINT-SHR ฟื้นชัด-ไร้ปัจจัยลบ

โบรกแนะนำเข้าซื้อหุ้นกลุ่มโรงแรม หลังราคาปรับตัวลดลงมากกว่า SET พร้อมชู MINT-SHR มีโอกาสฟื้นตัวอย่างชัดเจน ไร้ปัจจัยลบใหม่


บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ระบุในบทวิเคราะห์ คาดการณ์ผลประกอบการรวมกลุ่มโรงแรมภายใต้การวิเคราะห์ของฝ่ายวิจัยอยู่ที่ 4 พันล้านบาท ในไตรมาส 4/67 เติบโต 17% จากปีก่อน, โต 28% จากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งจะคละกันปัจจัยด้านฤดูกาลในแต่ละพื้นที่ด้วยช่วงไฮซีซั่นไทยและมัลดีฟส์ คาดการณ์ว่าจะส่งผลให้โรงแรมที่ในพื้นที่ดังกล่าวเติบโตได้เด่นจากปีก่อน และไตรมาสก่อน ได้แก่ บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW, บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC และ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR

สำหรับ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ซึ่งเริ่มเข้าสู่ช่วงโลว์ซีซั่นในยุโรป แต่ได้ไทยและมัลดีฟส์เข้ามาช่วยเสริม และดอกเบี้ยจ่ายที่ลดลงตามภาระหนี้ทำให้คาดการณ์กำไรยังเติบโตจากปีก่อนหน้า และไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL คาดการณ์จะลดลงจากปีก่อน, แต่เติบโตจากไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นจากการเตรียมเปิด/เปิดโรงแรมแห่งใหม่ในมัลดีฟส์

ดังนั้นหากกำไรไตรมาส 4/67 เป็นไปตามที่คาดการณ์กำไรปกติของกลุ่มโรงแรมในปี 67 จะอยู่ที่ 1.2 หมื่นล้านบาท โต 24% จากปีก่อนหน้า สูงกว่า ระดับก่อนโควิดเท่าตัว เป็นผลมาจากความสามารถในการปรับขึ้นค่าห้องพัก และการควบคุมต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

ทั้งนี้ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน หุ้นกลุ่มโรงแรมมีการปรับตัวลดลงมากกว่าดัชนี SET โดยปัจจุบันซื้อขายที่ -1.5-2SD ของค่าเฉลี่ยในอดีตสำหรับ EV/EBITDA และ PBV เชื่อว่าการปรับตัวลดลงของราคาหุ้นสะท้อนมุมมองตลาดที่กังวลต่อการเติบโตของกลุ่มโรงแรมที่คาดการณ์เข้าสู่ช่วงการเติบโตระดับปกติ

โดยคาดการณ์กำไรปกติปี 68 โต 14% จากปีก่อน มาที่ 1.4 หมื่นล้านบาท หลังจากช่วงฟื้นตัวอย่างมากในปี 67 รวมกับความกังวลต่อการปรับขึ้นค่าห้องพักเนื่องจากจำนวนนักท่องเทียวต่างชาติที่คาดการณ์เติบโตชะลอตัวมาที่ 39.5-40 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13% จากปีก่อนหน้า การแข่งขันในกลุ่มโรงแรมจากอุปทานที่เพิ่มขึ้น ซึ่งโดยปกติเพิ่มขึ้น 3% ต่อปี

พร้อมกันนี้ ฝ่ายวิจัยได้ทำการศึกษาพบว่าระดับราคาหุ้นในปัจจุบันนั้นมีนัยยะ เท่ากับว่ากลุ่มโรงแรมจะไม่สามารถเพิ่มหรือปรับเพิ่มอัตราห้องพักได้น้อยที่ 0-3% ตั้งแต่ปี 68 เป็นต้นไป ซึ่งมองว่าเป็นมุมมองเชิงลบมากเกินไป เนื่องจากรายได้จากยอดจองในปัจจุบันยังเติบโตระดับ midhigh single digit และคาดการณ์จะต่อเนื่องไปถึงอย่างน้อยกลางปีนี้เนื่องจากคาดการณ์ยังมีความต้องการในการท่องเที่ยว ทั้งนี้ ทำ Sensitivities การเปลี่ยนแปลงของอัตราค่าห้องพักทุกๆ 1% ส่งผลต่อประมาณการกำไรและราคาเป้าหมายของฝ่ายวิจัย 2-6%

ด้าน MINT และ SHR ยังคงเป็นหุ้นแนะนำ จากคาดการณ์แนวโน้มผลประกอบการที่ยังคงเติบโตและค่อนข้างชัดเจนไม่มีปัจจัยที่เป็นประเด็นทีตลาดกังวล รวมทั้งมูลค่าหุ้นที่อยู่ในระดับที่น่าสนใจ โดย MINT ซื้อขายที่ EV/EBITDA 7 เท่า และ PBV 1.3 เท่า และ SHR ซื้อขายที่ EV/EBITDA 7 เท่า และ PBV 0.5 เท่า ซึ่งอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบในกลุ่ม

Back to top button