“ทิสโก้” ชี้เป้า 3 กองทุน รับอานิสงส์นโยบาย “ทรัมป์” หนุนหุ้นสหรัฐฯ!

ธนาคารทิสโก้ คาดหุ้นสหรัฐฯ จะสร้างผลตอบแทนโดดเด่นในปี 68 หลัง "ทรัมป์" เดินหน้านโยบายตามที่หาเสียงไว้ หนุนกำไรบริษัทจดทะเบียนพุ่ง แนะ 3 กองทุนเด่นน่าซื้อ “UUSA, ES-USBLUECHIP และ TUSFIN-A”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (7 ก.พ.68) นางวรสินี เศรษฐบุตร ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายพัฒนาผลิตภัณฑ์กองทุน และสื่อสารการตลาด สายธุรกิจธนบดี ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารทิสโก้ ประเมินว่า ปี 2568 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีโอกาสสร้างผลตอบแทนโดดเด่น หลัง นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ออกคำสั่งประธานาธิบดีหลายฉบับที่ช่วยสนับสนุนธุรกิจในประเทศสหรัฐฯ ตามที่หาเสียงไว้

สอดคล้องกับมุมมองของนักวิเคราะห์จาก Bloomberg คาดว่ากำไรบริษัทจดทะเบียนสหรัฐฯ (S&P 500 Index) ปี 2568 เติบโตสูงถึง 14% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา ดีกว่าตลาดหุ้นโลก (MSCI ACWI) ที่กำไรบริษัทจดทะเบียนโต 8% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้ว

นอกจากนี้ หากลงลึกรายกลุ่มอุตสาหกรรม ธนาคารทิสโก้ มองว่า หุ้นกลุ่มการเงินสหรัฐฯ เป็นกลุ่มที่มีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตอย่างมาก เพราะได้รับประโยชน์จากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างขึ้นจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่อยู่ในช่วงขาลง รวมถึง นโยบาย Financial Deregulation จะช่วยผ่อนคลายกฎเกณฑ์ในการดำเนินธุรกิจของสถาบันการเงิน ทำให้สามารถขยายธุรกิจได้มากขึ้น

ดังนั้น ธีมลงทุนที่ธนาคารทิสโก้แนะนำเพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนจากนโยบายทรัมป์ คือ กองทุนหุ้นสหรัฐฯ และกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในกลุ่มสถาบันการเงินสหรัฐฯ  แต่ทั้งนี้แนะนำให้เลือกกองทุนที่มี “นโยบายการลงทุนเชิงรุก” มากกว่ากองทุนที่มีนโยบายการลงทุนตามดัชนี เพราะไม่ใช่ทุกอุตสาหกรรมในสหรัฐฯ จะเติบโตได้ดี อีกทั้งบางอุตสาหกรรมของสหรัฐฯ อาจได้รับผลกระทบทางอ้อมจากนโยบายของทรัมป์

นอกจากนี้ ปี 2568 เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีโอกาสเติบโตในอัตราชะลอตัวเมื่อเทียบกับปี 2567 ซึ่งกองทุนที่มีนโยบายเชิงรุกจะเปิดโอกาสให้ผู้จัดการกองทุนเฟ้นหาหุ้นผู้ชนะมา สร้างผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากดัชนีให้กับพอร์ตการลงทุน จากปัจจัยดังกล่าวธนาคารทิสโก้ จึงคัดกองทุนเด่นให้ลูกค้าลงทุน 3 กองทุน ได้แก่

กองทุนเปิด ยูไนเต็ด ยูเอส โกรท ฟันด์ (UUSA) เป็นกองทุนที่มีจุดเด่นตรงที่ผู้จัดการกองทุนจะเน้นคัดเลือกลงทุนในหุ้นรายตัว และกระจายน้ำหนักการลงทุนที่เหมาะสม

โดยใช้หลักการวิเคราะห์ด้านปัจจัยพื้นฐาน และการวิเคราะห์แบบ Bottom-up เพื่อเลือกหุ้นที่สนใจ โดยเป็นบริษัทที่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง มีความสามารถในการเติบโตของรายได้หรือกำไรสูงกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ผู้จัดการกองทุนจะพิจารณาภาพรวมอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจประกอบการลงทุนด้วย อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับปัจจัยด้าน ESG เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างผลตอบแทนในระยะยาว  โดยมีความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) ลงทุนในกองทุน JPMorgan Funds-US Growth Fund Class I (acc)-USD โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน โดยกองทุนหลักจะลงทุนในหุ้นที่มีการเติบโตหรือแนวโน้มการเติบโต (Growth style) ของบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา

กองทุนเปิดอีสท์สปริง US Blue Chip Equity (ES-USBLUECHIP) กองทุนนี้มีจุดเด่นตรงที่กองทุนหลักเน้นลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ ที่มีมูลค่าตลาด (Market Cap) เป็นอันดับต้นๆ ของโลก เป็นบริษัทที่มีรายได้และกำไรเติบโตต่อเนื่อง อีกทั้งมีงบการเงินที่ดีและกระแสเงินสดที่แข็งแกร่ง มีอำนาจในการกำหนดราคาสินค้าพร้อมกับมีขีดความสามารถในการแข่งขัน จากการเป็น “เจ้าตลาด” หรือครองส่วนแบ่งการตลาดในระดับสูง  มีความเสี่ยงระดับ 6 (เสี่ยงสูง) เน้นลงทุนในกองทุน T. Rowe Price Funds SICAV – US Blue Chip Equity Fund Class I โดยเฉลี่ยในรอบปีบัญชีไม่น้อยกว่า 80% ของ NAV ลงทุนในหุ้นชั้นดีของบริษัทในประเทศสหรัฐอเมริกา โดยกลยุทธ์การลงทุนมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวตามกองทุนหลัก โดยกองทุนหลักมุ่งหวังให้ผลประกอบการเคลื่อนไหวสูงกว่าดัชนีชี้วัด

และ กองทุนเปิด ทิสโก้ ยูเอส ไฟแนนเชียล (TUSFIN-A) มีจุดเด่นเน้นลงทุนในกลุ่มสถาบันการเงินในสหรัฐฯ แบ่งออกเป็น 4 กลุ่มย่อย คือ 1. กลุ่มผู้ให้บริการด้านการเงิน เช่น Berkshire Hathaway และ PayPal 2. กลุ่มธนาคาร เช่น JPMorganChase และ Citigroup 3. กลุ่มธุรกิจประกัน เช่น Chubb และ4. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับตลาดทุน เช่น Goldman Sachs และ Morgan Stanley ซึ่งทั้งหมดนี้ได้รับประโยชน์มากที่สุดจากนโยบายของทรัมป์ ทั้งในเรื่องการปรับลดภาษีนิติบุคคล และการผ่อนปรนเงื่อนไขในการดำเนินธุรกิจ แถมได้รับผลกระทบในระดับจากสงครามการค้าอีกด้วย  โดยความเสี่ยงระดับ 7 (เสี่ยงสูง) ลงทุนในกองทุน Financial Select Sector SPDR Fund ซึ่งมีวัตถุประสงค์ในการสร้างผลตอบแทนของกองทุนให้ใกล้เคียงกับผลตอบแทนของดัชนี Financial Select Sector

อย่างไรก็ตาม กองทุน UUSA, ES-USBLUECHIP และ TUSFIN-A ป้องกันความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนตามดุลยพินิจของผู้จัดการกองทุน ผู้ลงทุนอาจจะขาดทุนหรือได้รับกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนหรือได้รับเงินคืนต่ำกว่าเงินลงทุนเริ่มแรกได้

Back to top button