WTI ปิดบวก 39 เซนต์ หลัง “สหรัฐ” คว่ำบาตรน้ำมัน “อิหร่าน” รอบใหม่
น้ำมัน WTI เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 71.00 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังกระทรวงการคลังสหรัฐฯ กำลังออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อบุคคลบางรายและเรือบรรทุกน้ำมันที่ช่วยขนส่งน้ำมันดิบของอิหร่านหลายล้านบาร์เรลต่อปีไปยังจีน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (8 ก.พ.68) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (7 ก.พ.68) หลังจากมีการออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่กับการส่งออกน้ำมันดิบของอิหร่าน อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันลดลงในรอบสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้ารอบใหม่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์กับจีน และการขู่เรียกเก็บภาษีกับประเทศอื่นๆ
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 39 เซนต์ หรือ 0.55% ปิดที่ 71.00 ดอลลาร์/บาร์เรล
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 37 เซนต์ หรือ 0.50% ปิดที่ 74.66 ดอลลาร์/บาร์เรล
จอห์น คิลดัฟฟ์ หุ้นส่วนจากอะเกน แคปิทัล แอลแอลซี (Again Capital LLC) กล่าวว่า รายงานข่าวเกี่ยวกับมาตรการภาษีที่วางแผนโดยรัฐบาลของทรัมป์ได้จำกัดการปรับตัวขึ้นของราคาน้ำมัน หลังได้แรงหนุนจากการประกาศมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันของอิหร่านเมื่อวันพฤหัสบดี (6 ก.พ.)
กระทรวงการคลังสหรัฐฯ เปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า กำลังออกมาตรการคว่ำบาตรครั้งใหม่ต่อบุคคลบางรายและเรือบรรทุกน้ำมันที่ช่วยขนส่งน้ำมันดิบของอิหร่านหลายล้านบาร์เรลต่อปีไปยังจีน ซึ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่ออิหร่าน
ทรัมป์ได้ประกาศการเก็บภาษี 10% กับสินค้านำเข้าจากจีน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับปรุงดุลการค้าของสหรัฐฯ แต่ได้เลื่อนแผนการเก็บภาษีในระดับสูงจากเม็กซิโกและแคนาดา
นักวิเคราะห์จากบีเอ็มไอ (BMI) ระบุในบันทึกเมื่อวันศุกร์ว่า “แรงกดดันด้านลบเกิดจากข่าวเกี่ยวกับภาษี โดยมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งทำให้เกิดความวิตกว่าความต้องการน้ำมันจะอ่อนแอลง”
เมื่อวันพฤหัสบดี (6 ก.พ.) ราคาน้ำมันปิดลดลง หลังจากที่ทรัมป์ยืนยันคำสัญญาที่จะเพิ่มการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ ซึ่งทำให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่นักลงทุนมากขึ้น หลังจากที่สหรัฐฯ รายงานสต๊อกน้ำมันดิบพุ่งขึ้นสูงเกินคาดอย่างมาก