“ทรัมป์” เตรียมขึ้นภาษีนำเข้าใหม่ กระทบส่งออกไทย รายได้จากสหรัฐฯ สูง

“โดนัลด์ ทรัมป์” วางแผนประกาศภาษีนำเข้าใหม่ในสัปดาห์นี้ โดยจะเรียกเก็บภาษีตามอัตราที่คู่ค้าสหรัฐฯ เก็บจากสินค้าส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อไทย โดยเฉพาะกลุ่มส่งออกที่มีรายได้จากสหรัฐฯ สูง เช่น AAI-ITC-TU รวมถึงกลุ่ม Pet Food และ Automotive ที่ต้องระวังผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงภาษีใหม่นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (10 ก.พ.68) ทรัมป์เตรียมประกาศเก็บภาษีนำเข้าจากหลายประเทศสัปดาห์นี้ รอยเตอร์ (Reuters) รายงานว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ วางแผนที่จะประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเท่ากับอัตราที่คู่ค้าเรียกเก็บจากสินค้าส่งออกของสหรัฐฯ (ภาษีศุลกากรต่างตอบแทนหรือภาษีศุลกากรแบบตอบโต้) กับหลายประเทศ ภายในวันจันทร์หรือวันอังคารนี้ ซึ่งถือเป็นการยกระดับการรุกครั้งใหญ่เพื่อปรับเปลี่ยนความสัมพันธ์ทางการค้าโลกให้เอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐฯ ทั้งนี้ทรัมป์ไม่ได้ระบุว่าประเทศใดจะได้รับผลกระทบบ้าง แต่ชี้ว่าจะเป็นการประกาศขึ้นภาษีในวงกว้างที่อาจช่วยแก้ปัญหาด้านงบประมาณของสหรัฐฯ ได้ด้วย

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า มีมุมมองเป็นลบต่อกลุ่มส่งออก โดยเฉพาะกลุ่มที่มีสัดส่วนรายได้ส่งออกไปสหรัฐฯ สูง ได้แก่ บริษัท เอเชี่ยน อะไลอันซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ AAI ที่ 60%,  บริษัท ไอ-เทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)  หรือ ITC ที่ 50%, และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU ที่ 40% โดยปัจจุบันสหรัฐฯ มีการเก็บภาษีนาเข้าจากไทยเฉลี่ยในช่วง 0-7% ขณะที่ไทยเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ สูงในช่วง 10-30% ซึ่งสำหรับผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงไทยเก็บภาษีนำเข้าจากสหรัฐฯ ประมาณ 8% และสหรัฐฯ ไม่มีการเก็บภาษีนำเข้าจากไทย ขณะที่ผลิตภัณฑ์ทูน่ากระป๋อง ไทยเก็บภาษีนาเข้าจากสหรัฐฯราว 28% และสหรัฐฯ เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยเพียง 9-10% ทำให้ฝ่ายวิเคราะห์มองว่าผลิตภัณฑ์กลุ่มดังกล่าว รวมถึงส่งออกจากไทยโดยรวมมีโอกาสได้รับผลกระทบ

โดยเบื้องต้นประเมิน sensitivity สำหรับยอดขายสหรัฐฯ ลดลงทุก -10% จะกระทบกำไร AAI, ITC, TU ราว -3%-5% ขณะที่ บริษัท จีเอฟพีที จำกัด (มหาชน) หรือ GFPT และ บริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NER ไม่ได้รับผลกระทบเนื่องจากไม่มีสัดส่วนส่งออกไปสหรัฐฯ

ทั้งนี้กลุ่ม Pet Food ฝ่ายวิเคราะห์ คงน้ำหนัก “Neutral” และไม่มี Top pick สำหรับ TU แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 14.50 บาท อิง SOTP, GFPT แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 11.00 บาท อิงปี 68 PER ที่ 7.5 เท่า, และ NER แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 5.50 บาท อิง 68 PER ที่ 6 เท่า

สำหรับกลุ่ม Automotive โดยมองเป็นลบเช่นกัน หลังจากที่ทรัมป์กาลังพิจารณาเก็บภาษีสินค้านาเข้าที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์เป็นพิเศษซึ่งจะมีผลกระทบต่ออุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยหากมีการขึ้นภาษี (สหรัฐฯเก็บภาษีนาเข้ารถยนต์และชิ้นส่วนเพียงจากไทย 2.5% แต่ไทยเก็บภาษีนาเข้าจากสหรัฐฯ สูง 20-80% โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 67 ไทยมีการส่งออกรถยนต์ไปทวีปอเมริกาเหนือราว 8% ของยอดส่งออกรถยนต์ หรือคิดเป็นประมาณยอดผลิตรถยนต์ 5% ของไทย

นอกจากนั้น จากการที่สหรัฐมีการเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าทั่วโลกจะทาให้กระทบเศรษฐกิจโลกเติบโตชะลอตัว และการแข่งขันการส่งออกของประเทศคู่ค้าที่สูงขึ้น ซึ่งจะกระทบการส่งออกรถยนต์ของไทยลดลงได้ด้วย ทั้งนี้ ส.อ.ท.ประเมินปี 68 ยอด

ผลิตรถยนต์จะอยู่ที่ 1.5 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 2% จากงวดเดียวของปีก่อน โดยจะเป็นการผลิตเพิ่มส่งออกที่1.0 ล้านคัน ลดลง 1% จากงวดเดียวของปีก่อน สำหรับกลุ่ม Automotive ยังคงให้น้ำหนักเป็น “Underweight” ไม่มีหุ้น Top pic

Back to top button