“กรภัทร” มอง SET ฟื้นตัว ชู “นิคมฯ-แบงก์” ท็อปพิก! จับตา LTF รีเทิร์น
กรภัทร วรเชษฐ์ มอง SET ฟื้นตัวให้แนวรับ 1,275 จุด แนวต้าน 1,305 จุด จับตาคลังฟื้นกองทุน LTF หนุนตลาด พ่วงเก็บหุ้นนิคมอุตสาหกรรม WHA-AMATA และกลุ่มธนาคารอย่าง BBL-KBANK รับอานิสงส์การลงทุน-เศรษฐกิจขยายตัว
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (13 ก.พ.68) ว่า SET Index ฟื้นตัว โดยให้แนวรับ 1,275 จุด แนวต้าน 1,305 จุด
ทั้งนี้ ความผันผวนของตลาดในช่วงวันหยุดที่ผ่านมา เกิดจากการเปิดเผยตัวเลขอัตรา เงินเฟ้อสหรัฐฯ ซึ่งออกมาสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยอัตราเงินเฟ้อเดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 3.0% เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 2.9% และเพิ่มขึ้นจากระดับ 2.9% ในเดือนก่อนหน้า
โดยตัวเลขดังกล่าว ส่งผลให้มีการปรับมุมมองเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) โดยฝ่ายวิเคราะห์มองว่าปัจจัยนี้ อาจส่งผลกระทบต่อดัชนี SET Index ในระดับหนึ่ง และทำให้ตลาดยังคงมีความผันผวนอยู่บ้าง
ส่วนประเด็นคณะทำงานของ นายโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยถึงแนวทางด้านนโยบายภาษี โดยระบุว่าอาจไม่ได้มีการเร่งบังคับใช้ในทันที ซึ่งส่งสัญญาณให้เห็นถึงการผ่อนคลายความกังวลเกี่ยวกับประเด็นกำแพงภาษีระหว่างประเทศ ปัจจัยดังกล่าวส่งผลเชิงบวกต่อดัชนีตลาดหุ้นค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น
สำหรับภาพรวมตลาดหุ้นไทย ฝ่ายวิเคราะห์มองว่ายังมีปัจจัยบวกจากแนวโน้มการลงทุนระยะยาว โดยเฉพาะประเด็น กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ที่ กระทรวงการคลัง กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งหากมีมาตรการสนับสนุนเพิ่มเติม จะเป็นแรงผลักดันให้ดัชนี SET Index มีโอกาสปรับตัวขึ้นได้ นอกจากนี้ ช่วงที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติยังคงทยอยเข้าซื้อหุ้นไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่นักลงทุนควรติดตามอย่างใกล้ชิด
สำหรับกระแสข่าวเกี่ยวกับการปรับปรุงกองทุนรวม (LTF) ฝ่ายวิเคราะห์มองว่า ขณะนี้แนวทางในการนำกองทุน LTF กลับมายังคงไม่มีความชัดเจน อย่างไรก็ตาม มีเสียงสนับสนุนจากหลายฝ่ายที่ต้องการให้กองทุนดังกล่าวกลับมาอีกครั้ง ขณะเดียวกัน ยังมีบางกลุ่มเสนอให้รวมกองทุน LTF เข้ากับ กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (ThaiESG) โดยอาจมีการปรับหลักเกณฑ์ให้สอดคล้องกับเป้าหมายของกองทุนมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ไม่ว่ากองทุน LTF จะถูกนำกลับมาในรูปแบบใด ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่า จะเป็นปัจจัยบวกต่อดัชนี SET Index เนื่องจากเป็นมาตรการที่ช่วยส่งเสริมการลงทุนระยะยาว และปัจจุบัน รัฐบาลอยู่ระหว่างการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ควบคู่ไปกับการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน รวมถึงเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกองทุนรวมระยะยาว
ขณะที่กลยุทธ์การลงทุนประจำวันนี้ ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่า ปัจจุบันบริษัทขนาดใหญ่หลายแห่งมีการร่วมลงทุนในนิคมอุตสาหกรรม ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมุมมองเชิงบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในระยะยาว โดยคาดว่าธุรกิจภายในนิคมอุตสาหกรรมจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในช่วง 3-5 ปีข้างหน้า
โดยจากแนวโน้มดังกล่าว ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำการลงทุนหุ้นกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม เนื่องจากคาดว่าหุ้นกลุ่มนี้จะมีทิศทางฟื้นตัวในระยะกลางถึงระยะยาว โดยหุ้นที่น่าสนใจ ได้แก่ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA และ บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA
นอกจากนี้ ยังแนะนำหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ คาดว่าจะได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวของการลงทุน ส่งผลให้การเติบโตของสินเชื่อปรับตัวดีขึ้น โดยหุ้นเด่นที่ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำ ได้แก่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL, ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK
ส่วนทิศทางผลประกอบการกลุ่มเทคโนโลยีในไตรมาส 4/2567 ฝ่ายวิเคราะห์ประเมินว่า ผลประกอบการของกลุ่มเทคฯ มีแนวโน้มฟื้นตัว เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าและช่วงเดียวกันของปีก่อน สะท้อนถึงการเติบโตที่เริ่มกลับมา
สำหรับ บริษัท อินฟราเซท จำกัด (มหาชน) หรือ INSET ซึ่งได้ประกาศผลประกอบการออกมาแล้ว พบว่า ผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/2567 ออกมาดี อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาภาพรวมทั้งปี ผลประกอบการมีการชะลอตัวลงเล็กน้อย
ประเด็นนี้ ฝ่ายวิเคราะห์มองว่า INSET ยังคงเป็นหุ้นต้นน้ำในกลุ่มเทคฯ ซึ่งหมายความว่ารายได้ของบริษัทอาจต้องใช้เวลาในการทยอยรับรู้ในระยะกลางถึงระยะยาว แม้ว่าปัจจุบันอาจเผชิญกับภาวะชะลอตัวเล็กน้อย แต่โดยรวมแล้ว บริษัทยังคงมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อไปได้ในอนาคต