![](https://media.kaohoon.com/wp-content/uploads/2025/02/Dhanin-Chalerm_2025-02-13_news.jpg)
เปิด 20 ตระกูลเศรษฐีมั่งคั่งเอเชีย “เจียรวนนท์” อันดับ 2 “อยู่วิทยา-จิราธิวัฒน์” ติดโผ
“บลูมเบิร์ก” เผย 20 อันดับตระกูลเศรษฐีใหญ่สุดในเอเชีย แห่งปี 2568 ตระกูล “เจียรวนนท์” แห่งเครือซีพี รั้งอันดับ 2 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 4.26 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่ “อยู่วิทยา” เจ้าของอาณาจักรกระทิงแดง อยู่ในอันดับ 8 “จิราธิวัฒน์” แห่งเซ็นทรัล กรุ๊ป ติดในอันดับ 17
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานในวันนี้ (13 ก.พ.68) ผลการจัดอันดับเผย 20 อันดับตระกูลเศรษฐีใหญ่สุดในเอเชีย แห่งปี 2568 (ค.ศ.2025) ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเมื่อ “โดนัลด์ ทรัมป์” ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ สมัยที่ 2 ซึ่งเข้ามาพร้อมกับมีมาตรการทางภาษีและการคว่ำบาตรใหม่ ๆ ที่ส่งผลกระทบต่อบรรดากลุ่มทุนเอเชีย
10 ทำเนียบ ตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดในเอเชีย มีดังต่อไปนี้
- อัมบานี จาก อินเดีย เจ้าของ Reliance Industries มีทรัพย์สิน 9.05 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- เจียรวนนท์ จาก ไทย เจ้าของเครือเจริญโภคภัณฑ์ (CP) มีทรัพย์สิน 4.26 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ฮาร์โตโน จาก อินโดนีเซีย เจ้าของ Djarum, Bank Central Asia มีทรัพย์สิน 4.22 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- มิสทรี จาก อินเดีย เจ้าของ Shapoorji Pallonji Group มีทรัพย์สิน 3.75 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- กว็อก จาก ฮ่องกง เจ้าของ Sun Hung Kai Properties มีทรัพย์สิน 3.56 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ไช่ จาก ไต้หวัน เจ้าของ Cathay Financial, Fubon Financial มีทรัพย์สิน 3.09 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- จินดาล จาก อินเดีย เจ้าของ OP Jindal Group มีทรัพย์สิน 2.81 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- อยู่วิทยา จาก ไทย เจ้าของ TCP Group (กระทิงแดง, เรดบูล) มีทรัพย์สิน 2.57 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- บิร์ลา จาก อินเดีย เจ้าของ Aditya Birla Group มีทรัพย์สิน 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
- ลี จาก เกาหลีใต้ เจ้าของ Samsung มีทรัพย์สิน 2.27 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
ขณะที่ “จิราธิวัฒน์” เจ้าของเครือเซ็นทรัล กรุ๊ป ติดอันดับ 17 ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 1.57 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ
การจัดอันดับตระกูลมหาเศรษฐีเอเชียครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่าความมั่งคั่งของเศรษฐีเอเชียยังคงแข็งแกร่ง แต่ท่ามกลางความผันผวนของสถานการณ์โลก โดยเฉพาะนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ในยุคทรัมป์ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อเศรษฐกิจโดยรวม นักลงทุนไทยและเอเชียจึงจำเป็นต้องติดตามสถานการณ์สำคัญอย่างใกล้ชิด พร้อมปรับกลยุทธ์เพื่อรับมือกับความเปลี่ยนแปลงที่อาจเกิดขึ้น ทั้งในปีนี้และอนาคต