AOT รายได้บริการ-ค่าเช่าพุ่ง ดันกำไร Q1 โต 17% แตะ 5.3 พันล้าน

AOT รายงานงบไตรมาส 1/68 กำไรแตะ 5.3 พันล้านบาท โต 17% จากปีก่อนมีกำไร 4.6 พันล้านบาท รับรายได้บริการเที่ยวบิน หนุนผู้โดยสารเพิ่มขึ้น และค่าเช่าสำนักงานเพิ่มขึ้น


บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิ ดังนี้

สำหรับ AOT รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/68 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 5,344.30 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.12% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 4,563.03 ล้านบาท เป็นผลมาจากรายได้จากการขายหรือการให้บริการเพิ่มขึ้น 1,956.27 ล้านบาท หรือร้อยละ 12.45 จากการเพิ่มขึ้นทั้งรายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน 1,727.76 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.41 และรายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน 228.51 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.65 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบินและจำนวนผู้โดยสาร รายได้อื่นเพิ่มขึ้น 160.37 ล้านบาท หรือร้อยละ 196.22

ขณะที่ต้นทุนทางการเงินลดลง 65.04 ล้านบาท หรือร้อยละ 9.40 สำหรับค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 266.72 ล้านบาท หรือร้อยละ 23.23 สอดคล้องกับผลการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น รายได้เกี่ยวกับกิจการการบินมีสัดส่วนของรายได้แต่ละประเภทในไตรมาส 1/68 ไม่เปลี่ยนแปลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนอย่างมีสาระสำคัญ โดยรายได้เกี่ยวกับกิจการการบินส่วนใหญ่มาจากรายได้ค่าบริการผู้โดยสารขาออก และค่าบริการสนามบิน

นอกจากนี้รายได้เกี่ยวกับกิจการการบิน 8,804.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,727.76 ล้านบาท หรือร้อยละ 24.41 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าบริการผู้โดยสารขาออกจำนวน 1,536.14 ล้านบาท หรือร้อยละ 27.99 โดยมีสาเหตุ จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารโดยรวมของทั้ง 6 ทำอากาศยานร้อยละ 16.41

นอกจากนี้ รายได้ค่าบริการสนามบินเพิ่มขึ้นจำนวน 156.63 ล้านบาท หรือร้อยละ 11.14 จากการเพิ่มขึ้นของจำนวนเที่ยวบินรวมร้อยละ 14.78

ขณะที่รายได้ที่ไม่เกี่ยวกับกิจการการบิน 8,859.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 228.51 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.65 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ส่วนแบ่งผลประโยชน์จำนวน 119.98 ล้านบาท หรือร้อยละ 2.17 ซึ่งเพิ่มขึ้นตามจำนวนผู้โดยสารและผู้ใช้บริการภายในท่าอากาศยาน โดยรายการหลักๆ ที่เพิ่มขึ้นมาจากธุรกิจจากการบริหารกิจกรรมเชิงพาณิชย์

นอกจากนี้ ค่าเช่าสำนักงานและอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นขึ้นจำนวน 75.46 ล้านบาท หรือร้อยละ 13.78 โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากค่าภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เรียกเก็บจากกกระจำ และค่าเช่าสำนักงาน

ส่วนรายได้อื่นอยู่ที่ 242.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 160.37 ล้านบาท หรือร้อยละ 196.22 เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้อื่นจำนวน 90.91 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าปรับ อีกทั้งรายได้ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจำนวน 64.95 ล้านบาท

Back to top button