VGI รายได้ขายพุ่ง-ไร้บุ๊กขาดทุนเคอรี่ ดันงบ Q3 พลิกกำไร 308 ล้านบาท

VGI รายงานงบไตรมาส 3 ปี 67/68 พลิกมีกำไร 308 ล้านบาท จากปีก่อนขาดทุน 3.3 พันล้านบาท รับรายได้สื่อโฆษณาเพิ่มขึ้น และไม่มีส่วนแบ่งขาดทุนจาก KERRY รวมถึงได้รับรายได้จากเงินปันผล


บริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI รายงานผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3 และงวด 9 เดือนแรกของปี 67 พลิกมีกำไรสุทธิ ดังนี้

สำหรับ VGI รายงานผลประกอบงวดไตรมาส 3 ปี 67/68 พลิกกำไรสุทธิ 307.75 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 3,339.26 ล้านบาท เป็นผลมาจากบริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการและการขายอยู่ที่ 1,446 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.6% YoY โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นมีสาเหตุหลักจากการเติบโตของธุรกิจสื่อโฆษณาและธุรกิจบริการด้านดิจิทัล ในขณะที่ธุรกิจกำจัดจ่ายรายได้ใกล้เคียงกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งในไตรมาสนี้ธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล และธุรกิจกำจัดจ่ายมีสัดส่วนรายได้ที่ 49.0%, 30.7% และ 20.2% ตามลำดับ

ธุรกิจสื่อโฆษณา มีรายได้ 709 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากสื่อโฆษณาทุกประเภท โดยเฉพาะสื่อโฆษณาในระบบขนส่งมวลชน ซึ่งมีอัตราการใช้สื่ออยู่ที่ 61.1% เพิ่มขึ้นจาก 56.8% ในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ธุรกิจบริการด้านดิจิทัล มีรายได้ 444 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้เพิ่มขึ้นจาก RCash ที่มีกำไรจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากการปล่อยสินเชื่อดิจิทัล และ RCare ที่มีรายได้ค่าคอมมิชชั่นจากการขายประกันภัยเพิ่มขึ้น แต่การเพิ่มขึ้นถูกหักลบด้วยรายได้ Lead Generation ที่ลดลงจากการเลื่อนแคมเปญบัตรเครดิตของลูกค้า

ต้นทุนในการให้บริการและการขายอยู่ที่ 882 ล้านบาท ลดลง 1.1% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยอัตราต้นทุนต่อรายได้ลดลงจาก 67.0% ในช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 61.0% จากการเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจในทุกกลุ่มธุรกิจ อาทิ RCash มีกำไรจากการปล่อยสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น, Fanslink มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีขึ้นจากการปรับสัดส่วนผลิตภัณฑ์ และ TURTLE ที่เปิดร้านเพิ่มขึ้น ทำให้เกิดการประหยัดต่อขนาด ส่งผลให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 39.0% จาก 33.0% ในปีก่อน และจาก 30.8% ในไตรมาสก่อน

รายได้อื่นอยู่ที่ 184 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้น 216.3% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยได้รับรายได้จากเงินปันผลและดอกเบี้ยรับที่เพิ่มขึ้นจากการได้รับเงินจากการเพิ่มทุนในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน 2567

ค่าใช้จ่ายในการขายและการบริหารอยู่ที่ 516 ล้านบาท ลดลง 29.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยหลักมาจากการลดค่าใช้จ่ายการตลาดของกลุ่มแรบบิทและการลดลงของการตั้งค่าหนี้ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น รวมถึงไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้วมีค่าใช้จ่ายที่ไม่เกิดขึ้นประจำ เช่น ค่าใช้จ่ายทางวิชาชีพ เป็นต้น ส่งผลให้ในภาพรวม อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อรายได้ลดลงมาอยู่ที่ 35.7% จาก 55.3% ในช่วงเดียวกันของปีก่อน

ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมอยู่ที่ 104 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138.9% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน และ 61.7% จากไตรมาสก่อนหน้า โดยมาจากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของ JMART รวมถึงการไม่มีส่วนแบ่งขาดทุนจาก KERRY เช่นในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

ขณะที่ผลประกอบการงวด 9 เดือนพลิกมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 448.56 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนขาดทุนสุทธิ 3,539.82 ล้านบาท

Back to top button