“ทรัมป์” เริ่มแผนสร้างสมดุลการค้าสหรัฐฯ ลงนาม “ภาษีศุลกากร” ใหม่ คาดมีผล เม.ย.นี้

ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในแผนการเก็บภาษีศุลกากรร่วมกัน เพื่อตอบโต้คู่ค้าที่เก็บภาษีของสหรัฐอเมริกาที่ไม่เป็นธรรม และเป็นการสร้างสมดุลการค้า พร้อมเปิดโอกาสให้แต่ละประเทศเจรจา ก่อนมีผลบังคับใช้ในช่วงเดือนเมษายนนี้


สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ลงนามในแผนการเก็บภาษีศุลกากรร่วมกัน เมื่อวันที่ 13 ก.พ.68 ซึ่งเป็นการเคลื่อนไหวที่อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกอย่างกว้างขวาง เนื่องจากแผนนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างความยุติธรรมและความสมดุลในระบบการค้าระหว่างคู่ค้าของสหรัฐฯ แต่ทรัมป์ได้ชะลอการบังคับใช้แผนดังกล่าวเพื่อเปิดโอกาสให้มีการเจรจาแบบรายประเทศ

“แผนดังกล่าวจะสร้างหลักประกันถึงความยุติธรรมและความสมดุลอย่างครอบคลุมในระบบการค้าระหว่างประเทศ” ทรัมป์กล่าวในบันทึกข้อตกลงที่เขาลงนาม

การประกาศนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ทรัมป์ได้ประกาศภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม ในอัตรา 25% และภาษีนำเข้าจีน 10% ในสัปดาห์ก่อน การเคลื่อนไหวเพื่อเก็บภาษีศุลกากรซึ่งกันและกันนี้มีผลกระทบกว้างขวางที่สุด

โฮเวิร์ด ลัทนิค รัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การศึกษาในแต่ละประเทศอาจเสร็จสิ้น ภายในวันที่ 1 เม.ย.68 จากนั้น กระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐฯ จะนำข้อมูลส่งให้ประธานาธิบดีนำไปปฏิบัติโดยเร็วที่สุดในวันที่ 2 เม.ย.68

อย่างไรก็ดี ทรัมป์ ยังยืนยันว่า การตอบแทนกันทำให้ภาษีศุลกากรมีความยุติธรรมจริง ๆ พร้อมแสดงความหวังว่าภาษีเหล่านี้จะไม่มีผลกระทบที่สำคัญต่อราคาสินค้าในประเทศ

การประกาศภาษีศุลกากรนี้มีแนวโน้มที่จะกระตุ้นการเจรจาอย่างรวดเร็วจากหลายประเทศที่อาจได้รับผลกระทบ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ อินเดีย โดยนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ได้เดินทางมาเยือนทำเนียบขาว และเข้าพบกับทรัมป์ในช่วงบ่ายของวันที่ 13 ก.พ.68 ก่อนที่เขาลงนามในแผนเก็บภาษีศุลกากรฉบับใหม่ เพื่อร่วมประชุมหลายประเด็นกับสหรัฐฯ ทั้งนี้ โมดีอาจพยายามใช้ประเด็นต่าง ๆ เช่น พลังงานเพื่อลดผลกระทบของภาษีนำเข้าในประเทศของเขา

การดำเนินการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อลดผลกระทบในระยะสั้นต่อตลาดการเงิน โดยหุ้นพุ่งขึ้นในช่วงบ่ายวันพฤหัสบดี เนื่องจากเห็นชัดว่าภาษีเหล่านี้จะไม่มีผลบังคับใช้ทันที “มันเหมือนกับคำแนะนำล่วงหน้าจากเฟด” เบ็น เอมอนส์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Fed Watch Advisors กล่าวติดตลก

แต่ ฟิลิป ลัค ผู้อำนวยการโครงการเศรษฐศาสตร์ของ CSIS เน้นย้ำว่า ธุรกิจต่าง ๆ จะต้องปรับตัวและวางแผนสำหรับสิ่งที่อาจเกิดขึ้น โดยระบุว่า “ราคาอาจได้รับผลกระทบได้ แม้ว่าจะไม่มีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรก็ตาม”

Back to top button