![](https://media.kaohoon.com/wp-content/uploads/2025/02/2025-02-16_lead.jpg)
คัด 15 หุ้น “บิ๊กแคป” รับ คลัง เล็งตั้งกอง ”ThaiESG2“ พ่วงยกระดับเก็บภาษีหุ้นนอก
เปิดโผ 15 หุ้น “บิ๊กแคป” เน้น Rating A ขึ้นไป รับ “คลัง” เล็งตั้งกอง ThaiESG2 พ่วงยกระดับเก็บภาษีลงทุนหุ้นต่างประเทศ เพื่อสกัดเงินไหลออก หวังฟื้นตลาดหุ้นไทย โบรกชูหุ้น “บิ๊กแคป” Top 3 ในกลุ่ม เน้น Rating A ขึ้นไป แถม P/E,PBV ต่ำกว่าปกติ นำทีมโดย PTT, CPALL, BDMS, CPN, SCC, CPF, IVL, TLI, HMPRO, PTTGC, GPSC, SCGP, SAWAD,TU, AP
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยถึงการปรับปรุงหลักเกณฑ์การออกกองทุนรวมหุ้นระยาว หรือ LTF ว่า อยู่ระหว่างการศึกษาข้อกฎหมายและเงื่อนไขต่าง ๆ ในการโยกเงินกองทุน LTF ที่ครบอายุ (มูลค่าเอยูเอ็มคงเหลือประมาณ 2 แสนล้านบาท) และนักลงทุนที่ไม่อยากขายเพราะขาดทุน เข้าสู่กองทุนรวมไทยเพื่อความยั่งยืน (Thai ESG) ซึ่งจะตั้งเป็นกองใหม่ (Thai ESG 2) เพื่อให้นักลงทุนสามารถลงทุนได้ต่อเนื่อง
โดยคาดว่าระยะเวลาถือครองกองใหม่อยู่ที่ 5 ปี ขณะที่สัดส่วนในการลงทุนอยู่ระหว่างการศึกษา แต่คาดว่าจะเน้นลงทุนหุ้นไทย (100%) ที่เกี่ยวข้องกับ ESG โดยได้มอบให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษา ซึ่งคาดว่าจะเห็นความชัดเจนได้ในเร็ว ๆ นี้ หรืออย่างช้าไม่เกินเดือน ก.ย.ปีนี้ ทั้งนี้เพราะต้องมีการดูในข้อกฎหมายประกอบด้วย
นอกจากนี้กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาที่จะปรับปรุงกฎหมายการเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยนำเงินเข้าประเทศ ซึ่งตนกำลังพิจารณาทบทวนกฎหมายนี้ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยนำเงินเข้าประเทศ
จากประเด็นดังกล่าวทีมข่าว “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมข้อมูลบริษัทจดทะเบียน (บจ.)ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.ที่คาดว่าจะประโยชน์จากประเด็นดังกล่าวโดยอาศัยข้อมูลจากบทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งรวบรวมข้อมูลไว้ดังนี้
บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ว่า รมต.คลังพบแนวทางฟื้นตลาดหุ้นไทยด้วยการยกระดับเก็บภาษีคนลงทุนหุ้นต่างประเทศ เพื่อสกัดเงินไหลออก แล้วได้เม็ดเงินกลับเข้าสู่ตลาดหุ้นไทย ซึ่งล่าสุดมูลค่า Foreign Currency Deposit (FCD) อยู่ไทยยังอยู่ระดับสูงมากราว 8.2 แสนล้านบาท
อีกทั้งเตรียมจัดตั้งกองทุนประหยัดภาษี ThaiESG2 เป้าหมายลงทุนหุ้นไทย 100% ซึ่งจะเป็นการนำเงินกองทุน LTF ที่ครบอายุมาลงทุน ซึ่งจะเป็นการนำเงินกองทุน LTF ที่ครบอายุมาลงทุน (มูลค่า AUM คงเหลือประมาณ 1.8แสนล้านบาท) โดยคาดว่าระยะเวลาถือครองกองใหม่อยู่ที่ 5 ปี
โดยกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ หวังจะได้เม็ดเงินจากต่างชาติหนุน และกองทุนในประเทศหากมีการเปลี่ยนผ่านจาก LTF สู่ ThaiESG2 เน้นหุ้นขนาดใหญ่ Top 3 ในแต่ละ Sector ที่มี ESG Rating A ขึ้นไป รวมถึงยังมี P/E,PBV ต่ำกว่าปกติ อาทิ
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT, บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) หรือ CPALL, บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS, บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN, บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด(มหาชน) หรือ SCC, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF, บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL,
บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO, บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC, บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC, บริษัท เอสซีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ SCGP, บริษัท ศรีสวัสดิ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD, บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TU และ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP ตามตารางประกอบ
ด้านบริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า รมว. คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังกำลังพิจารณาที่จะปรับปรุงกฎหมายการเก็บภาษีเงินได้จากการลงทุนในต่างประเทศ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยนำเงินเข้าประเทศ ซึ่งตนกำลังพิจารณาทบทวนกฎหมายนี้ เพื่อสนับสนุนให้คนไทยนำเงินเข้าประเทศ
โดยประเมินจิตวิทยาบวกต่อ SET ที่มีโอกาสเห็นเม็ดเงินลงทุนต่างประเทศไหลกลับเข้ามาลงทุน โดยแนะนำหุ้นบิ๊กแคปเน้นหุ้น 7 Value อาทิ CPALL, BDMS, MINT, BH, GPSC, SCGP, HMPRO ที่ประเมินทุกๆ 1 หมื่นล้านบาทที่กลับเข้ามา จะหนุน SET ได้ราว 20-25 จุด อย่างไรก็ตามในส่วนดังกล่าวยังต้องติดตามรายละเอียดมาตรการอีกครั้ง