![](https://media.kaohoon.com/wp-content/uploads/2025/02/Trump-Car_2025-02-15.jpg)
“ทรัมป์” ขู่ขึ้นภาษีนำเข้า “รถยนต์” ดีเดย์ 2 เม.ย.นี้! ย้ายฐานผลิตมาสหรัฐฯ
ประธานาธิบดี “โดนัลด์ ทรัมป์” เผยแผนที่ชัดเจนเกี่ยวกับจัดเก็บภาษีนำเข้า “รถยนต์” มายังสหรัฐฯ โดยจะเริ่มในวันที่ 2 เม.ย.นี้ หลัง “April Fool's Day” กระทบแบรนด์รถรายใหญ่ บีบย้ายฐานการผลิต!
สำนักข่างต่างประเทศ รายงานวันนี้ (15 ก.พ.68) นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า เขาวางแผนที่จะจัดเก็บ “ภาษีรถยนต์” ต่างประเทศ ในวันที่ 2 เม.ย.นี้ แต่ไม่ได้ระบุว่าจะจัดเก็บภาษีเท่าใด หรือกำหนดเป้าหมายไปที่ประเทศใด
“ผมคิดว่าเราจะดำเนินการในวันที่ 2 เม.ย. ถูกต้องไหม” ทรัมป์ถามที่ปรึกษาของเขาเพื่อยืนยัน ระหว่างอยู่ในห้องทำงานรูปไข่ ภายในทำเนียบขาว
ทั้งนี้มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อกดดันให้บริษัทรถยนต์ต่างชาติย้ายฐานผลิตมาสหรัฐฯ คาดว่าจะกระทบบริษัทรถยนต์จากหลายประเทศ อาทิ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และเยอรมนี
สถิติการค้าการลงทุนในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในปี 2566 สหรัฐฯ มีมูลค่าการนำเข้ารถยนต์สูงถึง 17.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีแหล่งนำเข้าจากหลายประเทศ อาทิ บริษัท นิสสัน มอเตอร์ (Nissan) ส่งออกรถยนต์จากเม็กซิโก ไปยังสหรัฐฯ ประมาณ 27% ของยอดขายทั้งหมดในสหรัฐฯ
จากบทความ “ปี 2025 อาจเป็นฝันร้ายสำหรับยอดขายรถยนต์ บททดสอบสำหรับยานยนต์พลังไฟฟ้า (EV)” ของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ให้ข้อมูลว่า สหรัฐฯ ผลิตรถยนต์ได้ประมาณ 12 ล้านคัน แต่ต้องพึ่งพาการนำเข้ารถยนต์จากแคนาดาและเม็กซิโกถึง 3-4 ล้านคัน ซึ่งทั้งสองประเทศนี้ยังเป็นแหล่งนำเข้าอะไหล่สำคัญที่คิดเป็นสัดส่วนถึง 55% ของอะไหล่ที่ใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตยานยนต์ในสหรัฐฯ
ขณะที่แบรนด์รถที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อันดับแรกของชาวอเมริกัน ได้แก่ Chevrolet, Ford, Toyota, Honda และ Hyundai
ทรัมป์ ได้ประกาศแผนจัดเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม จากต่างประเทศในอัตรา 25% ซึ่งถือเป็นวัตถุดิบหลักสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ ตั้งแต่เดือนมี.ค. เป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้ เขาจะจัดเก็บภาษี 25% จากสินค้าที่นำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก ซึ่งเป็น 2 ประเทศคู่ค้าที่ได้ดุลการค้าสูงสุดของสหรัฐฯ อีกทั้ง 2 ประเทศนี้ยังเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบและชิ้นส่วนรถยนต์ รวมทั้งเป็นฐานการผลิตให้กับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ ทรัมป์ได้ระงับการจัดเก็บภาษีทั้งหมดจนถึงวันที่ 4 มี.ค.68 เนื่องจากเขากำลังเจรจากับทั้ง 2 ประเทศเกี่ยวกับการผ่อนปรนเงื่อนไขด้านยาและผู้อพยพ แต่ในช่วงต้นเดือนนี้เขาก็ได้เริ่มจัดเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติมอีก 10% จากจีน ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ชิ้นส่วนรถยนต์รายใหญ่
การตัดสินใจของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะเรื่องนโยบายเศรษฐกิจ การค้าระหว่างประเทศ และภาษีนำเข้า มักส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นโดยตรง
นักลงทุนไม่ชอบความไม่แน่นอน ถ้านโยบายของทรัมป์ส่งผลให้เกิดสงครามการค้าหรือความขัดแย้งทางเศรษฐกิจ ตลาดหุ้นมักจะผันผวน ดัชนีสำคัญอย่าง S&P 500, ดาวโจนส์ (Dow Jones) และ Nasdaq อาจมีความผันผวนตามข่าวที่เกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม มาตรการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ของสหรัฐฯ อาจทำให้ หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ เช่น GM, Ford, Toyota, Honda ผันผวน อีกอาจส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มรถยนต์ผลิตในประเทศ อย่าง Tesla และคาดว่าตลาดจะต้องจับตาอย่างใกล้ชิด ถึงการตอบโต้จากยุโรปและเอเชียว่า จะมีมาตรการภาษีโต้กลับหรือไม่