กสม. ออกแถลงการณ์หนุน กสทช. “อิสระ-โปร่งใส” ไร้การเมืองครอบงำ

"กสม. ออกแถลงการณ์หนุน กสทช. ทำหน้าที่อิสระ-โปร่งใส ไร้อำนาจการเมืองครอบงำ หลังมีกรณีศาลตัดสิน! 'พิรงรอง' กรรมการ กสทช. ถูกจำคุก 2 ปี ในข้อหาปฏิบัติหน้าที่มิชอบเรื่องการแพร่ภาพผ่าน True ID และให้ประกันตัวชั่วคราว ซึ่งเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์รวมทั้งตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่เพื่อปกป้องสิทธิผู้บริโภคของ กสทช.ตามมา


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 11 ก.พ.2568 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.)ได้ออกแถลงการณ์ เผยแพร่ตามสื่อต่างๆ โดยย้อนที่มาถึงการที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษาตัดสินจำคุก 2 ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ กรณีออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ได้รับอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ทุกราย เกี่ยวกับการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและแอปพลิเคชัน True ID ซึ่งต่อมาศาลอนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราวระหว่างขั้นตอนการอุทธรณ์คดี

ทั้งนี้ การออกหนังสือดังกล่าว มีจุดเริ่มต้นจากข้อร้องเรียนของผู้บริโภคที่ส่งมาที่สำนักงาน กสทช. เกี่ยวกับบริการของผู้ให้บริการแอปพลิเคชั่นดังกล่าว

โดยเนื้อหาส่วนหนึ่งของแถลงการณ์ดังกล่าว ระบุว่า บริการด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมเป็นบริการสาธารณะที่จำเป็นขั้นพื้นฐาน มีผลต่อการส่งเสริมความรู้และคุณภาพชีวิตของประชาชน ประชาชนในฐานะผู้บริโภคจึงต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิ และรัฐต้องจัดให้มีมาตรการหรือกลไกที่มีประสิทธิภาพในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม อันสอดคล้องตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย

“ด้วยเหตุนี้ กสม.จึงขอสนับสนุนการทำหน้าที่ของ กสทช.ในการกำกับดูแลคลื่นความถี่อันเป็นทรัพยากรของชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะ ตลอดทั้งการกำกับดูแลกิจการการสื่อสารเพื่อพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคอย่างเป็นอิสระโดยปราศจากการครอบงำทั้งจากอำนาจทางการเมืองและอำนาจทุน และขอเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐทุกฝ่ายรวมทั้ง กสทช. ยืนหยัดในการทำหน้าที่อย่างสุจริต โปร่งใส โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ”

ทั้งนี้ เนื้อหาทั้งหมดของแถลงการณ์ฉบับดังกล่าว มีดังนี้

“ตามที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2568 ตัดสินจำคุก 2 ปี ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ในความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 ฐานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบฯ กรณีออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ได้รับอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ทุกราย เกี่ยวกับการแพร่เสียงแพร่ภาพผ่านกล่องรับสัญญาณโทรทัศน์ผ่านระบบอินเทอร์เน็ตและแอปพลิเคชัน True ID ซึ่งต่อมาศาลอนุญาตให้ประกันตัวชั่วคราวและเกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์รวมทั้งตั้งคำถามถึงการทำหน้าที่เพื่อปกป้องสิทธิผู้บริโภคของ กสทช.ตามมา นั้น

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ในฐานะสถาบันสิทธิมนุษยชนระดับชาติ ขอเน้นย้ำว่า บริการด้านกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมในทุกรูปแบบ เป็นบริการสาธารณะที่จำเป็นขั้นพื้นฐาน มีผลต่อการส่งเสริมความรู้และคุณภาพชีวิตของประชาชน ประชาชนในฐานะผู้บริโภคจึงต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิ และรัฐต้องจัดให้มีมาตรการหรือกลไกที่มีประสิทธิภาพในการคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคด้านต่าง ๆ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม อันสอดคล้องตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 46 มาตรา 56 วรรคสี่ และมาตรา 61

ด้วยเหตุนี้ กสม.จึงขอสนับสนุนการทำหน้าที่ของ กสทช.ในการกำกับดูแลคลื่นความถี่อันเป็นทรัพยากรของชาติเพื่อประโยชน์สาธารณะ ตลอดทั้งการกำกับดูแลกิจการการสื่อสารเพื่อพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคอย่างเป็นอิสระโดยปราศจากการครอบงำทั้งจากอำนาจทางการเมืองและอำนาจทุน และขอเรียกร้องให้หน่วยงานของรัฐทุกฝ่ายรวมทั้ง กสทช. ยืนหยัดในการทำหน้าที่อย่างสุจริต โปร่งใส โดยคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นสำคัญ

ขณะเดียวกัน กสม. ขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องยึดหลักการชี้แนะว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGPs) และแลกเปลี่ยนเรียนรู้เพื่อร่วมกันพัฒนากฎหมายและนโยบายสาธารณะให้เท่าทันสถานการณ์ภูมิทัศน์สื่อที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยคงไว้ซึ่งหลักการสำคัญคือการคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ อันจะส่งผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างเป็นธรรมและยั่งยืน

Back to top button