
แรงขาย DELTA-AOT ฉุด SET เช้ารูดหนัก 28 จุด
SET เช้าร่วงหนัก 28 จุด เซ่นแรงขาย DELTA หลังรายงานกำไรออกมาต่ำกว่าคาดการณ พร้อมด้วยหุ้น AOT ที่มีแรงกดดัประเด็นการประมูลดิวตี้ฟรีใหม่ โบรกวางกรอบแนวรับ 1,252 – 1,240 จุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (17 ก.พ.68) ดัชนีตลาดหุ้นไทย ณ เวลา 10:05 น. อยู่ที่ระดับ 1,244.10 จุด ลบ 28 จุด หรือ 2.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 9,700.89 ล้านบาท
โดยตลาดหุ้นไทยเช้านี้ได้รับแรงกดดันจากราคาหุ้น บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA เป็นหลัก ที่ปรับตัวลดลงแรงทำราคาต่ำสุดของวัน (ฟลอร์) หลังรายงานผลการดำเนินงานปี 67 มีกำไรอยู่ที่ 18,938.58 ล้านบาท เติบโต 2.80% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 18,422.54 ล้านบาท ต่ำกว่าที่ตลาดและนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ขณะที่กำไรสุทธิไตรมาส 4567 เหลือเพียง 2.15 พันล้านบาท ลดลง 64% จากไตรมาสก่อน และลดลง 54% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อน ต่ำกว่าที่ทาง บล. ฟินันเซีย ไซรัส และตลาดคาดถึง 60% (นักวิเคราะห์คาดไว้ประมาณ 5.4 พันล้านบาท) โดยมีรายการพิเศษจำนวนมาก
ด้าน บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) หรือ KSS ประเมินดัชนี SET วันนี้อยู่ในช่วง “ย่อสร้างฐาน” โดยให้แนวต้านที่ 1,280 – 1,287 จุด และแนวรับที่ 1,252 – 1,240 จุด โดยมีปัจจัยลบกดดันตลาด ได้แก่ 1.Downside Risk จากหุ้นบิ๊กแคป นำโดย AOT, SCB และ DELTA ซึ่งรวมกันมีน้ำหนักราว 15.3% ของ SET โดยเฉพาะ DELTA ที่กำไรไตรมาส 4/2567 ต่ำกว่าคาดจากอัตรากำไร (Margin) ที่ลดลง
2.ยอดค้าปลีกสหรัฐฯ เดือนมกราคม -0.9% MoM ต่ำกว่าคาดการณ์ กระทบตลาดหุ้นสหรัฐฯ และช่วยกดดันอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Bond Yield) อายุ 10 ปี ลง -6 bps และ 3. GDP 4Q24F รายงานงานวันนี้ คาดขยายตัว 3.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนใกล้เคียงคาดการณ์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดของปี และคาดว่าจะขยายตัว 2.9% ในปี 2025
ส่วนบริษัทหลักทรัพย์กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด (มหาชน) หรือ KTX คาดการณ์ว่า SET Index มีแนวโน้มอ่อนตัว โดยให้แนวรับที่ 1,262-1,252 จุด และแนวต้านที่ 1,280-1,285 จุด จากแรงกดดันของ DELTA ที่รายงานกำไรต่ำกว่าคาด
กลยุทธ์การลงทุน: นักวิเคราะห์แนะนำกลยุทธ์ “Selective Buy” หรือการเลือกซื้อหุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตในอนาคต โดยจับตาหุ้นที่ยังมีปัจจัยบวก เช่น KKP, MTC และ CPALL อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรรอสัญญาณซื้อ (Buy Signal) ก่อนเข้าลงทุน