
STA งบปี 67 พลิกกำไร 1.7 พันล้าน รับราคายางเพิ่ม-รายได้พุ่ง
STA รายงานงบปี 67 พลิกมีกำไร 1.7 พันล้านบาท ขานรับราคา “ยาง” ปรับตัวสูงขึ้นเกือบ 30% จากปีก่อน ประกอบกับการจำหน่ายยาง EUDR ซึ่งมีมูลค่าสูงกว่ายางปกติผลักดันให้ผลการดำเนินงานเติบโตอย่างโดดเด่น
บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA รายงานผลการดำเนินงานปี 67 สิ้นสุด 31 ธ.ค.67 มีกำไรสุทธิ ดังนี้
โดยในปี 67 อุตสาหกรรมยางธรรมชาติสร้างรายได้รวม 89,463.0 ล้านบาท คิดเป็น 78.2% ของรายได้ทั้งหมด เพิ่มขึ้น 37.6% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยได้รับแรงหนุนจากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับตัวขึ้น 26.3% จากปีก่อน สอดคล้องกับแนวโน้มราคายางพาราในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่ช่วงปลายปี 66 ทั้งนี้ ราคายางแท่ง TSR20 ในตลาด SICOM เฉลี่ยเพิ่มขึ้น 26.7% จากปีก่อน ประกอบกับปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 8.3% จากปีก่อน ส่งผลให้รายได้ของอุตสาหกรรมเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ด้านปริมาณขายยางธรรมชาติปี 67 อยู่ที่ 1,414,770 ตัน หรือ 1.6 ล้านตัน หากรวมส่วนที่ขายให้กับ STGT เพิ่มขึ้น 8.3% จากปีก่อน ปัจจัยสนับสนุนมาจากอุปสงค์ยางธรรมชาติที่ฟื้นตัว และการจัดหาวัตถุดิบที่มีความต่อเนื่อง ต่างจากปีก่อนที่ได้รับผลกระทบจากปรากฏการณ์เอลนีโญ (El Niño) ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะขาดแคลนวัตถุดิบ โดยปริมาณขายยางที่เป็นไปตามมาตรฐาน EUDR ในปีนี้อยู่ที่ 133,163 ตัน
ขณะที่ปริมาณขายตามภูมิศาสตร์ ประเทศจีนยังคงเป็นตลาดหลัก คิดเป็น 56.6% ของยอดขายทั้งหมด ตามมาด้วยตลาดในประเทศไทย 14.7% ตลาดเอเชียอื่นๆ (ไม่รวมจีนและไทย) 12.9% ตลาดอเมริกา 8.1% ตลาดยุโรป 7.4% และตลาดอื่นๆ อีก 0.2%
ธุรกิจถุงมือยางเติบโต 30.2% ตามดีมานด์โลกและมาตรการภาษีที่เอื้อประโยชน์
ธุรกิจถุงมือยางสร้างรายได้ 24,784.8 ล้านบาท หรือคิดเป็น 21.7% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 30.2% จากปีก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 22.8% จากปีก่อน และราคาขายเฉลี่ยที่ปรับตัวขึ้น 6.1% จากปีก่อน ซึ่งได้รับแรงหนุนจากการปรับสมดุลอุปทานส่วนเกินในอุตสาหกรรม และราคาน้ำยางที่เป็นวัตถุดิบหลัก
ส่วนปริมาณขายถุงมือยางในปี 67 อยู่ที่ 38,549 ล้านชิ้น เติบโต 22.8% จากปีก่อน โดยขยายตัวในทุกผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ถุงมือยางธรรมชาติแบบมีแป้ง (NRPD) ถุงมือยางธรรมชาติแบบไม่มีแป้ง (NRPF) และถุงมือยางสังเคราะห์ (NBR) รวมถึงเติบโตในหลายภูมิภาค
ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนการเติบโตของปริมาณขาย ได้แก่ 1) อุปสงค์ถุงมือยางโลกที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และสต็อกของลูกค้าและผู้จัดจำหน่ายในประเทศต่างๆ กลับสู่ระดับปกติ 2) มาตรการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ (US Tariff) สำหรับถุงมือยางจากจีน ช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของบริษัทในตลาดอเมริกา และ 3) มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด (Anti-Dumping) ของบราซิล ซึ่งบริษัทได้รับอัตราภาษีต่ำสุดเมื่อเทียบกับผู้ผลิตจากประเทศอื่น เช่น จีนและมาเลเซีย ส่งผลให้คำสั่งซื้อจากบราซิลเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค.67 ถึงวันที่ 31 ธ.ค.67 และกำไรสะสม เป็นเงินสด 1 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 18 เม.ย.68 และกำหนดจ่าย 8 พ.ค.68