CGSI มอง SET รีบาวด์แตะ 1,250-1,265 จุด ชู 2 หุ้นเด่น SCB-STECON

CGSI คาดดัชนี SET วันนี้รีบาวด์กรอบ 1,250-1,265 จุด พร้อมแนะนำ 2 หุ้นเด่น SCB-STECON รับปัจจัยบวกเฉพาะตัว


บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI คาดการณ์ว่าดัชนี SET Index วันนี้ (18 ก.พ.68) มีโอกาสฟื้นตัวกลับมาอยู่ในกรอบ 1,250-1,265 จุด แม้ว่าแรงขายในหุ้น DELTA (-23.5%) จะส่งผลให้ดัชนีร่วงลงกว่า 15 จุดเมื่อวานนี้ (17 ก.พ.) อย่างไรก็ตาม ตลาดเริ่มส่งสัญญาณบวกจากกลุ่ม Real Sector ที่สามารถปรับตัวขึ้นได้ ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยยังสามารถยืนเหนือระดับ 1,250 จุด

โดยเมื่อวันที่ 17 ก.พ. เป็นวันสุดท้ายของการเปิดรับฟังความเห็นเกี่ยวกับการปรับเกณฑ์ Capped Weight ซึ่งเป็นมาตรการลดน้ำหนักหุ้นรายตัวในการคำนวณดัชนี SET50 และ SET100 ตลาดคาดการณ์ว่าเกณฑ์ดังกล่าวจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในช่วงกลางปีนี้ เพื่อช่วยลดความผันผวนของตลาดหุ้นไทย

ขณะที่ปัจจัยในประเทศยังคงมีความท้าทาย โดย GDP ไทยในไตรมาส 4 ปี 67 ขยายตัว 3.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ CGSI ได้ปรับลดประมาณการ GDP ปี 68 ลงเหลือ 2.5% จากเดิม 3% เนื่องจากมาตรการแจกเงิน 10,000 บาท เฟสแรกไม่สามารถกระตุ้นการบริโภคได้มากเท่าที่คาด อย่างไรก็ตาม ตลาดเริ่มมองข้ามผลกระทบนี้แล้ว หลังมีการปรับลดประมาณการ GDP ล่วงหน้า โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 2.4%-2.9%

ด้านหุ้น DELTA เผชิญแรงกดดันในไตรมาส 4 ปี 67 จากต้นทุนที่เพิ่มขึ้นและผลกระทบของอัตราแลกเปลี่ยน นอกจากนี้ ธุรกิจ MSBU ประสบปัญหาเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ที่ส่งผลต่อต้นทุนขาย ขณะที่ยังมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากค่าลิขสิทธิ์และ R&D อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคาดว่าการเติบโตของยอดขายในปี 2568 จะอยู่ในระดับกลาง 10% และมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 25%

สำหรับหุ้นแนะนำ ได้แก่

SCB : หลังรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4 ปี 67 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ 10.4% จากอัตราการกันสำรองหนี้สูญที่ต่ำกว่าคาด นอกจากนี้ ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง และคาดว่าจะสามารถคงอัตราการจ่ายเงินปันผลสูงถึง 80% ท่ามกลางบรรยากาศที่สินเชื่อขยายตัวช้าในปี 68-69 (เป้าทำกำไร 126.5 บาท / จุดตัดขาดทุน 120.5 บาท)

STECON : ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 45% ตั้งแต่ต้นปี เทียบกับดัชนี SET ที่ -9% อย่างไรก็ตาม ตลาดได้สะท้อนมุมมองเชิงลบต่อผลการดำเนินงานไปแล้วเป็นส่วนใหญ่ CGSI จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” เนื่องจากปริมาณงานในมือ (backlog) ของบริษัทจะช่วยให้มีกำไรเติบโตต่อเนื่องในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า (เป้าทำกำไร 4.68 บาท / จุดตัดขาดทุน 3.84 บาท)

Back to top button