
คัด 6 หุ้นเด่น โอกาสเก็งกำไรสูง “รับซัมเมอร์”
กรมอุตุฯ คาดฤดูร้อนปี 68 เริ่มปลายก.พ. อุณหภูมิพุ่ง 43 องศา โบรกแนะเก็งกำไรธีม “Summer Plays” ชูกลุ่มเครื่องดื่ม CRC-ICHI-SAPPE, โรงแรม CENTEL- MINT พ่วงค้าปลีก HMPRO เด่นรับปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (19 ก.พ.68) อ้างอิงข้อมูล “กรมอุตุนิยมวิทยา” คาดการณ์ว่าฤดูร้อนของประเทศไทยปี 2568 อาจเริ่มช้ากว่าปกติประมาณ 2 สัปดาห์ โดยคาดว่าจะเริ่มช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์และสิ้นสุดกลางเดือนพฤษภาคม 2568 ซึ่งสภาพอากาศโดยทั่วไปจะร้อนอบอ้าวเป็นระยะๆ สลับกับฝนฟ้าคะนองในหลายพื้นที่ ซึ่งจะช่วยบรรเทาความร้อนลงบางช่วง ทั้งนี้ กรมอุตุฯ คาดว่าอุณหภูมิสูงสุดประมาณ 42 – 43 องศาเซลเซียส ซึ่งอาจมีสภาพอากาศร้อนจัดในบางพื้นที่
โดยเฉพาะช่วงปลายเดือนมีนาคมถึงกลางเมษายน 2568 อุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยบริเวณประเทศไทยตอนบนอยู่ที่ 35-36 องศาเซลเซียส ใกล้เคียงกับค่าปกติ (35.4 องศาเซลเซียส) แต่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 37.5 องศาเซลเซียส
ขณะที่ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้รวบรวมหุ้นที่คาดการณ์ว่าจะได้รับปัจจัยบวกจากการเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทย โดยอ้างอิงบทวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) ซึ่งระบุถึงกลยุทธ์การเก็งกำไรในหุ้นธีม “หน้าร้อน” ที่กำลังจะเริ่มต้นอีกครั้ง โดยฤดูร้อนของประเทศไทยปี 2568 จะเริ่มสัปดาห์ที่ 4 เดือนกุมภาพันธ์ 2568 และสิ้นสุดกลางเดือนพฤษภาคม 2568 คาดว่าอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ยในพื้นที่ประเทศไทยตอนบน อยู่ที่ 35-36 องศาเซลเซียส แม้จะต่ำกว่าฤดูร้อนปี 2567 ซึ่งมีอุณหภูมิสูงสุดเฉลี่ย 37.50 องศาเซลเซียส แต่ยังอยู่ในระดับใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยปกติที่ 35.40 องศาเซลเซียส
ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ตลาดหุ้นที่ผันผวนส่งผลให้ราคาหุ้นหลายตัวอยู่ในระดับต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน (Deep Discounts) ซึ่งอาจเป็นโอกาสการลงทุนระยะยาว โดยทีมกลยุทธ์ได้วิเคราะห์ว่าฤดูร้อนที่มีแนวโน้มอุณหภูมิสูงขึ้นจะเป็นปัจจัยบวกต่อหลายอุตสาหกรรม ได้แก่
1.) การบริโภคเครื่องดื่ม ที่มีความคึกคักขึ้น, 2.) ประชาชนจะมีความต้องการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งพัดลม, แอร์ เพื่อบรรเทาผลกระทบอากาศร้อน, 3.) การทำงานก่อสร้างจะเร่งส่งมอบได้มากกว่าช่วงหน้าฝน และ 4.) การท่องเที่ยวทะเลที่เป็นจุดเด่นของไทยมักคึกคัก
ภาพรวมดังกล่าว ฝ่ายนักวิเคราะห์มองว่าเกิดขึ้นเป็นประจำทุกปี และนับเป็นปัจจัยสนับสนุนหุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์ อาทิ กลุ่มที่นักลงทุนเก็งกำไรในช่วงฤดูร้อน อย่าง เครื่องดื่ม, ค้าปลีก ที่เน้นขายเครื่องใช้ไฟฟ้า, รับเหมา และ โรงแรม เป็นต้น ซึ่งอิงผลการศึกษาและผลตอบแทนย้อนหลัง 9 ปีไม่รวมปีที่เผชิญ Covid-19 ที่ผลตอบแทนรายกลุ่มกระทบความเสี่ยงต่อตลาด
โดยฝ่ายนักวิเคราะห์แนะนำช่วงเวลาที่ดีสุดใน การลงทุน คือ ช่วงเข้าสู่ฤดูร้อนและขายทำกำไรหลังจากนั้น 1 เดือน ซึ่งควรเริ่มสะสมหุ้นช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ 2568 และขายทำกำไรช่วงปลายมีนาคม 2568 – ต้นเมษายน 2568
ทั้งนี้ ฝ่ายนักวิเคราะห์ มองว่ากลุ่มโรงแรมความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก อยู่ที่ 87.50% ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.70% ตามด้วยกลุ่มรับเหมา มองความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก อยู่ที่ 62.50% และมีผลตอบแทนเฉลี่ย 1.60%, กลุ่มค้าปลีก ความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก อยู่ที่ 50% และมีผลตอบแทนเฉลี่ย 1.20% สูงกว่า SET Index ความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก อยู่ที่ 50% และผลตอบแทนเฉลี่ย 1.10%
ขณะที่ ภาพรายบริษัทนั้นฝ่ายนักวิเคราะห์ คาดการณ์ว่า บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC ความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก อยู่ที่ 100% ผลตอบแทนเฉลี่ย 5.30%, บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ICHI ความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก อยู่ที่ 87.50% ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.70%, บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ บริษัท เซ็ปเป้ จำกัด (มหาชน) หรือ SAPPE ความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก อยู่ที่ 75% ผลตอบแทนเฉลี่ย 7.20%
บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL ความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก อยู่ที่ 75% ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.40%, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT ความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก อยู่ที่ 62.50% ผลตอบแทนเฉลี่ย 3.30%, บริษัท สยามโกลบอลเฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ GLOBAL ความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก อยู่ที่ 62.50% ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.30%, บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก อยู่ที่ 50% ผลตอบแทนเฉลี่ย 4.90% และ บริษัท ดูโฮม จำกัด (มหาชน) หรือ DOHOME ความน่าจะเป็นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวก อยู่ที่ 50% ผลตอบแทนเฉลี่ย 2.30%
อย่างไรก็ตาม ในเชิงกลยุทธ์ฝ่ายวิเคราะห์แนะนำธีมลงทุน Summer Plays เน้นหุ้นกลุ่มที่มีมูลค่าพื้นฐานอยู่ในระดับที่ไม่สูง (Valuation ไม่แพง) รวมทั้งหมด 6 หุ้น อาทิ CRC ให้ราคาเป้าหมาย 40.60 บาท ICHI ให้ราคาเป้าหมาย 17 บาท SAPPE ให้ราคาเป้าหมาย 70 บาท CENTEL ให้ราคาเป้าหมาย 40 บาท MINT ให้ราคาเป้าหมาย 38 บาท และ HMPRO ให้ราคาเป้าหมาย 13.50 บาท