
เก็บ ADVANC ทิ้งทวนก่อน XD พรุ่งนี้! แจกปันผล 5.74 บาท ยีลด์ 2%
เก็บหุ้น ADVANC ก่อนขึ้น XD พรุ่งนี้ รับปันผล 5.74 บ./หุ้น ยีลด์ปีนี้รวม 6% โบรกฯ มองธุรกิจโตต่อเนื่อง รับอานิสงส์ประมูลคลื่นใหม่ กำไรพุ่ง เป้าหมายใหม่ 311 บ. ส่วน INTUCH-GULF ลุ้นราคาลดลงน้อยกว่าปันผล กินกำไรส่วนต่าง “ยุพาพิน” มั่นใจหลังควบรวม หนุน AIS กำไรเพิ่ม 3,500 ลบ./ปี บล.บัวหลวง เคาะเป้า 72 บ.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แรงซื้อขายหุ้นกลุ่มกัลฟ์วันนี้ (19 ก.พ. 2568) คาดว่าจะเข้ามาอย่างหนาแน่น เนื่องจากจะมีการขึ้นเครื่องหมาย XD ในหุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF และบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH พร้อมกัน
รวมทั้งมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้นบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC ก่อนขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 20 ก.พ. 2568 มีวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นวันที่ 21 ก.พ. 2568 และวันจ่ายปันผลวันที่ 10 เม.ย. 2568 โดยจ่ายเงินปันผลอัตรา 5.74 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นรอบผลประกอบการ 1 ก.ค. 2567-31 ธ.ค. 2567 และเงินปันผลจากกำไรสุทธิ
โดย GULF กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเป็นวันที่ 20 ก.พ. 2568 และวันจ่ายปันผลวันที่ 6 มี.ค. 2568 โดยจ่ายเงินปันผลอัตรา 1.01 บาทต่อหุ้น เป็นรอบผลประกอบการ 1 ม.ค. 2567-30 ก.ย. 2567 และเงินปันผลจากกำไรสุทธิและกำไรสะสม ส่วน INTUCH กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นวันที่ 20 ก.พ. 2568 และวันจ่ายปันผลวันที่ 4 มี.ค. 2568 ในอัตรา 6.54 บาทต่อหุ้น ซึ่งเป็นเงินปันผลจากกำไรสะสม
นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ หัวหน้าสายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน) คาดการณ์ว่าวันนี้จะมีแรงเก็งกำไรเข้ามาในหุ้น ADVANC เพื่อรับเงินปันผล 5.74 บาทต่อหุ้น ซึ่งหมายถึงอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 2% และคาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล 4% สำหรับปี 2568
ส่วนราคาหุ้น GULF และ INTUCH คาดว่าจะปรับตัวลดลงน้อยกว่าอัตราจ่ายปันผลที่แท้จริง ซึ่งจะทำให้ผู้ถือหุ้นได้รับกำไรจากส่วนต่างดังกล่าว และหากราคาสามารถยืนได้ในระดับที่ซื้อขายวานนี้ (18 ก.พ.) ก็จะทำให้ได้รับเงินปันผลฟรี
ขณะที่ มองว่าแนวโน้มของธุรกิจ ADVANC ยังคงเติบโตได้ดีในปีนี้ ล่าสุดได้ปรับราคาเป้าหมายใหม่ขึ้นเป็น 311 บาท ทั้งนี้หุ้น ADVANC จะเป็นหุ้นปันผลของกลุ่มกัลฟ์ ที่เติบโตดีปันผลสูง หลังผลประกอบการไตรมาสที่ 4/2567 ออกมาดีเกินคาด และยังมองว่าต้นทุนของบริษัทจะลดลงจากการประมูลคลื่นความถี่โทรศัพท์มือถือ พร้อมกัน 6 ย่านความถี่ จากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. ในปีนี้
โดยปรับเพิ่มกำไรปี 2568 ขึ้น 1.8% จากการเพิ่มขึ้นของ ARPU และการควบคุมต้นทุนที่เข้มงวด ในการแถลงผลประกอบการ Q4/67 ADVANC คาดการณ์ว่ารายได้จากการให้บริการไม่รวม IC และ EBITDA จะเติบโต 3-5% ในปีนี้ และค่าใช้จ่ายในการลงทุน หรือ Capex จะอยู่ที่ 2.6-2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ สำหรับการเติบโตของรายได้ 4%, การเติบโตของ EBITDA 4.5% และ Capex ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท
ด้านนักวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า มีโอกาสสูงที่จะมีแรงเก็งกำไรหุ้น ADVANC เข้ามาวันนี้ เนื่องจากเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลสูง และราคามีอัพไซด์จากการประมูลคลื่นความถี่ประมาณ 6%
ขณะที่ ให้ราคาเป้าหมาย INTUCH ที่ 123 บาท และ GULF ที่ 75 บาท รวมทั้งให้เป้าหมายราคาหุ้นบริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (บริษัทใหม่หลังควบรวมกิจการ) ที่ระดับราคา 72 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ปรับคำแนะนำ ADVANC เป็น “ซื้อ” จาก “ถือ” เนื่องจากคาดว่ากำไรหลักปี 2568 จะเติบโต 11% และอัตราผลตอบแทนเงินปันผล 4-5% ในปี 2568-2569 ปรับราคาเป้าหมายตามวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ขึ้นเป็น 307 บาท จาก 301 บาท หลังปรับประมาณการ EBITDA เพิ่มขึ้น 2% ตั้งแต่ปี 2568 เป็นต้นไป กำไรหลัก Q4/67 ทำสถิติสูงสุดที่ 1 หมื่นล้านบาท สูงกว่าคาดการณ์ตลาด 13%
กัลฟ์ชูเป้าโต 20-25%
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน GULF เปิดเผยว่า การเปลี่ยนแปลงของการควบรวมเป็นบริษัทใหม่ในชื่อ Gulf Development ครั้งนี้ ได้ขอตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหยุดซื้อขายหุ้นตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคม-2 เมษายน 2568 (9 วันทำการ) เพื่อเตรียมการจัดสรรหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นทั้งสองบริษัท พร้อมถอนบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ออกจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และจะเข้าซื้อขายในชื่อ Gulf Development ใหม่ในวันที่ 3 เม.ย.นี้
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้น GULF ใหม่จะอยู่ที่เท่าไหร่ขึ้นอยู่กับดีมานด์ของนักลงทุน โดยบริษัทใหม่จะมีผลกำไรที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก Gulf Development จะมีสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นใน ADVANC เป็น 40.44% จากเดิมถือทางอ้อมในสัดส่วน 19.16% ส่งผลให้ได้รับส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 3,500 ล้านบาทต่อปี ในขณะเดียวกัน กระแสเงินสดจะเพิ่มขึ้นอีกประมาณ 6,000 ล้านบาทต่อปี ซึ่งสามารถรองรับการขยายธุรกิจของกลุ่มบริษัทในอนาคต
นอกจากนี้ ปี 2568 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตขึ้น 20-25% โดยโครงการโรงไฟฟ้าต่าง ๆ ของบริษัทจะเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีกประมาณ 1,500 เมกะวัตต์ ในปีนี้ ได้แก่ โครงการ HKP หน่วยผลิตที่ 2 กำลังการผลิตติดตั้ง 770 เมกะวัตต์ ที่ได้เริ่มจำหน่ายไฟฟ้าเรียบร้อยตามกำหนดในเดือนมกราคมที่ผ่านมา
โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดิน (Solar Farms) และโครงการพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Solar Farms with Battery Energy Storage Systems) ภายในประเทศ ที่มีแผนเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์เพิ่มอีก 7 โครงการ กำลังการผลิตติดตั้งรวม 597 เมกะวัตต์ ในขณะที่โครงการ Solar Rooftop ภายใต้ GULF1 คาดว่าจะดำเนินการจ่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้าเพิ่มอีกประมาณ 100 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ ธุรกิจศูนย์ข้อมูล (Data Center) มีแผนที่จะทยอยเปิดให้บริการเฟสแรกขนาด 25 เมกะวัตต์ ในเดือนเมษายนปีนี้ โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายขนาดการให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 100-200 เมกะวัตต์ ภายใน 3 ปีข้างหน้า เพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นในการจัดเก็บและประมวลผลข้อมูลในประเทศไทย
ขณะที่ ธุรกิจ Cloud ซึ่งบริษัทได้ร่วมมือกับ Google เพื่อให้บริการ Google Distributed Cloud Air-gapped มีแผนเปิดให้บริการในช่วงกลางปี 2568 เพื่อตอบโจทย์ความต้องการด้านการประมวลผลข้อมูลและโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้บริษัทยังมองถึงการต่อยอดความร่วมมือทางธุรกิจไปสู่บริการอื่น ๆ ในอนาคต ซึ่งรวมถึงการพัฒนาโซลูชั่น AI และการเสริมความแข็งแกร่งด้าน Cybersecurity เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัล
ส่วนของธุรกิจก๊าซฯ ในปีนี้ กลุ่มบริษัทมีแผนขยายการนำเข้า LNG เพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 70 ลำ หรือประมาณ 4-5 ล้านตัน เพื่อรองรับการผลิตไฟฟ้าของโครงการโรงไฟฟ้า GSRC GPD และ HKP ซึ่งคาดว่าจะทำให้บริษัทรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจาก Shipper Fee โดยเป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจก๊าซฯ ของบริษัทต่อไป
สำหรับธุรกิจโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภค โครงการต่าง ๆ ที่อยู่ระหว่างการพัฒนายังคงเป็นไปตามแผน โดยโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางใหญ่-กาญจนบุรี (M81) มีกำหนดจะเปิดดำเนินการในปี 2568 ขณะที่สายบางปะอิน-นครราชสีมา (M6) มีกำหนดจะเปิดดำเนินการในปี 2569
ในส่วนของโครงการพัฒนาท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดเฟส 3 ณ ปัจจุบัน ได้ดำเนินการถมทะเลเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อย และมีแผนที่จะเริ่มก่อสร้างสถานีรับ-จ่ายก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG Terminal) ในช่วงกลางปีนี้ อีกทั้งโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 มีกำหนดรับมอบพื้นที่จากการท่าเรือแห่งประเทศไทย เพื่อเริ่มก่อสร้างท่าเทียบเรือช่วงปลายปี 2568