น้ำมันดิบ “เบรนท์-WTI” ขยับขึ้น รับแรงหนุนสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน”

ราคาน้ำมันดิบ “เบรนท์-WTI” ขยับขึ้น กังวลภาคผลิตสหรัฐสะดุด หลังเผชิญอากาศหนาว พ่วงรัสเซียถูกยูเครน โจมตีท่อส่งน้ำมัน คาดสูญเสียอุปทานราว 380,000 บาร์เรลต่อวัน


ผู้สื่อข่าวรายงาน วันนี้ (19 ก.พ.68) สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.2% มาอยู่ที่ 75.98 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล และมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นเป็นวันที่สามติดต่อกัน ในขณะเดียวกันสัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ล่วงหน้าของสหรัฐฯ สำหรับเดือนมีนาคม 2568 ปรับขึ้น 16 เซนต์ หรือ 0.2% มาอยู่ที่ 72.01 ดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 1.8% จากราคาปิดเมื่อวันศุกร์ หลังจากไม่มีการปิดราคาสัญญาในวันจันทร์เนื่องจากเป็นวันหยุด Presidents’ Day โดยสัญญาเดือนมีนาคมจะหมดอายุในวันพฤหัสบดี ขณะที่สัญญาเดือนเมษายนซึ่งมีการซื้อขายมากกว่าเพิ่มขึ้น 14 เซนต์ หรือ 0.2% มาอยู่ที่ 71.97 ดอลลาร์

“ระดับราคา 70 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นจุดสำคัญทางจิตวิทยาดูเหมือนจะยังคงระดับอยู่ได้ โดยได้รับแรงหนุนจากการโจมตีของโดรนยูเครนต่อสถานีสูบน้ำมันของรัสเซีย รวมถึงความกังวลว่าสภาพอากาศหนาวในสหรัฐฯ อาจส่งผลให้การผลิตลดลง” โทนี ไซคามอร์ นักวิเคราะห์ตลาดจาก IG กล่าว

นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่า กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (OPEC) และ พันธมิตรที่ไม่ใช่สมาชิก OPEC (OPEC+) อาจตัดสินใจเลื่อนการเพิ่มการผลิตที่วางแผนไว้ในเดือนเมษายน เขากล่าว โดยอ้างถึงแหล่งข่าวจากกลุ่ม OPEC

ขณะที่ รัสเซีย ระบุว่า การไหลของน้ำมันผ่านท่อส่งคาสเปียนไปป์ไลน์คอนซอร์เทียม (CPC) ซึ่งเป็นเส้นทางสำคัญสำหรับการส่งออกน้ำมันดิบจากคาซัคสถาน ลดลง 30%-40% ในวันอังคาร หลังจากถูกโดรนยูเครนโจมตีสถานีสูบน้ำ โดยการลดลง 30% เทียบเท่ากับการสูญเสียอุปทานประมาณ 380,000 บาร์เรลต่อวัน ตามการคำนวณของรอยเตอร์

ขณะเดียวกัน สภาพอากาศหนาวเย็นส่งผลต่ออุปทานน้ำมันของสหรัฐฯ โดยมีการคาดการณ์ว่าการผลิตในนอร์ธดาโคต้า ซึ่งเป็นรัฐที่เป็นผู้ผลิตน้ำมันอันดับ 3 ของประเทศอาจลดลงมากถึง 150,000 บาร์เรลต่อวัน

ส่วนรัฐบาลของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยเมื่อวันอังคารว่า ได้ตกลงที่จะเจรจากับรัสเซียเพิ่มเติมเกี่ยวกับการยุติสงครามในยูเครน ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวอาจช่วยผ่อนปรนหรือยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกน้ำมันของรัสเซีย

ด้าน นักวิเคราะห์จาก โกลด์แมน แซคส์ ระบุว่า ข้อตกลงสันติภาพระหว่างยูเครนและรัสเซีย และการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรที่เกี่ยวข้อง ไม่น่าจะส่งผลให้ปริมาณน้ำมันของรัสเซียเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยระบุว่า เรามองว่าการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียถูกจำกัดโดยเป้าหมายการผลิต 9 ล้านบาร์เรลต่อวันของ OPEC+ มากกว่ามาตรการคว่ำบาตรในปัจจุบัน ซึ่งกระทบต่อจุดหมายปลายทางของการส่งออก แต่ไม่กระทบต่อปริมาณน้ำมันที่ส่งออก

ขณะเดียวกัน อิสราเอลและฮามาสเตรียมเริ่มการเจรจาทางอ้อมเกี่ยวกับขั้นตอนที่สองของข้อตกลงหยุดยิงในฉนวนกาซา

อย่างไรก็ตาม ทรัมป์กล่าวเมื่อวันอังคารว่า เขาตั้งใจจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ “ราว 25%” รวมถึงภาษีในระดับเดียวกันสำหรับเซมิคอนดักเตอร์และผลิตภัณฑ์ยา ซึ่งอาจทำให้ราคาสินค้าผู้บริโภคสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และลดความต้องการใช้น้ำมัน

Back to top button