
CGSI สแกน 9 หุ้น LTF พื้นฐานแกร่ง ผลตอบแทนย้อนหลังดีกว่า SET
บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) ชู BBL, BDMS, BEM, CPALL, CPN, GULF, HMPRO, MINT และ WHA กลุ่มกองทุน LTF ถือพบให้ผลตอบแทนย้อนหลังดีกว่า SET พ่วงปกป้องความเสี่ยงช่วงตลาดผันผวนได้
บริษัท หลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด ระบุผ่านบทวิเคราะห์ คาดการณ์ว่าจะมีการตั้ง กองทุนรวมส่งเสริมการลงทุนเพื่อความยั่งยืนของประเทศไทย (ThaiESG) ใหม่ รองรับ กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) จะชัดเจนในไตรมาส 1/2568 ซึ่งตลาดหลักทรัพย์เสนอแนวทางเพื่อเป็นมาตรการกระตุ้นตลาดหุ้นในระยะสั้นต่อการ กระทรวงการคลัง คือ การสร้างแรงจูงใจให้นักลงทุนที่ถือ LTF ที่ครบอายุ โอนย้ายมาถือใน ThaiESG ซึ่งคาดการณ์ว่าจะมีความชัดเจนและดำเนินการได้ภายใน ไตรมาส 1 นี้ โดย LTF มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 178,340 ล้านบาท ส่วน ThaiESG มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิประมาณ 32,196 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568)
ขณะที่ นับตั้งแต่ต้นปี 2568 ถึงปัจจุบัน ดัชนี SET Index ปรับตัวลดลง 10.20% เม็ดเงินไหลออกสุทธิราว 25,672 ล้านบาท (ข้อมูล ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568) โดยหากนับเฉพาะเดือนมกราคม และ 1-17 กุมภาพันธ์ (MTD) กอง LTF มียอดการถ่ถอนตอนสุทธิ์อยู่ที่ 19,503 และ 6,169 ตามลำดับ
ส่วน หุ้นที่กอง LTF ถือสูงสุด 20 อันดับแรก จากการเก็บรวบรวมข้อมูลหุ้นที่กอง LTF ถือทั้งหมด 106 กองทุน จาก Bloomberg (Holder Ownership) ได้แก่ AOT, CPALL, GULF, ADVANC, PTTEP, CPN, PTT, BBL, MINT, BDMS, SCB, CRC, KBANK, DELTA, PTTGC, SCC, BH, PLANB, KTB และ HMPRO
นอกจากนี้ จากข้อมูลหุ้นที่กอง LTF ถือ โดยเลือกเฉพาะหุ้นที่ LTF ถือ จำนวน 500 ล้านบาท ขึ้นไป มี Consensus rating ในระดับ Outperform ขึ้นไป มี SET ESG Rating ตั้งแต่ระดับ A และเงื่อนไขอื่นๆ จากผลการทดสอบย้อนหลังหุ้นชุดดังกล่าวในช่วงเวลา 5 ปีย้อนหลังนับจากที่มี LTF ครั้งสุดท้าย จะให้ผลตอบแทน 32.50% เมื่อเทียบกับ SET ซึ่งให้ผลอบแทน 5.449%
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายนักวิเคราะห์ได้ทำการทดสอบหุ้นชุดดังกล่าว โดยปรับช่วงเวลาเป็น 5 ปีย้อนหลังล่าสุดจะพบว่าผลตอบแทนของหุ้นชุดดังกล่าวได้ ติดลบ 3.30% เมื่อเทียบกับ SET Index ที่เห็นผลตอบแทน อยู่ที่ 16.22%, ดังนั้นอาจสรุปได้ว่า ชุดหุ้นดังกล่าวให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดโดยรวม อีกทั้งหากตลาดอยู่ในช่วงขาลง โมเดลดังกล่าวก็ยังคงปกป้องความเสี่ยงได้ดีกว่า ตลาดเช่นกัน ได้แก่ BBL, BDMS, BEM, CPALL, CPN, GULF, HMPRO, MINT และ WHA