“S&P 500” ทุบสถิติสูงสุด 2 วันติด! นักลงทุนประเมินรายงานการประชุม “เฟด” ไม่ลดดอกเบี้ย

3 ดัชนีหลักในตลาดสหรัฐฯ ปิดบวก นักลงทุนประเมินรายงานการประชุมเฟด ส่งสัญญาณยังไม่พร้อมลดดอกเบี้ยเพิ่ม เนื่องจากยังวิตกกังวลกับเงินเฟ้อสูง


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีดาวโจนส์ และ Nasdaq ปิดตลาดในวันพุธ (19 ก.พ.68) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่ ดัชนี S&P 500  ทำสถิติสูงสุด 2 วันติด โดยนักลงทุนยังจับตาดูความเคลื่อนไหวของตลาด หลังการเปิดเผยรายงานการประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ เฟด (Fed) ในเดือนมกราคมล่าสุด และพิจารณาแผน “ภาษี” ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์

  • ดัชนีดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 44,627.59 จุด เพิ่มขึ้น 71.25 จุด หรือ 0.16%
  • ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 6,144.15 จุด เพิ่มขึ้น 14.57 จุด หรือ 0.24%
  • ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 22,175.60 จุด เพิ่มขึ้น 10.99 จุด หรือ 0.050%

การที่ S&P 500 ทำสถิติสูงสุด 2 วันติด เป็นผลจากแรงผลักดันหลายด้าน ทั้งทิศทางดอกเบี้ยของเฟดที่ไม่ได้ส่งสัญญาณเร่งขึ้นดอกเบี้ย การเคลื่อนไหวของหุ้นเทคฯ โดยเฉพาะหุ้น AI และกลุ่มเมกะแคป เช่น Apple, Microsoft, Nvidia ยังคงหนุนตลาดและความคาดหวังต่อนโยบายภาษีของทรัมป์ ทำให้นักลงทุนยังคงเชื่อมั่นในแนวโน้มบวกของตลาด

ขณะที่คณะกรรมการเฟด เปิดเผยรายงานการประชุมประจำวันที่ 28-29 ม.ค.68 ระบุว่า คณะกรรมการแสดงความวิตกเกี่ยวกับ “เงินเฟ้อ” ที่ยังคงอยู่ในระดับสูง และกังวลว่ามาตรการต่าง ๆ ของประธานาธิบดีทรัมป์ โดยเฉพาะมาตรการภาษีศุลกากร อาจจะส่งผลกระทบต่อความพยายามของเฟดในการฉุดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลงสู่เป้าหมายที่ระดับ 2%

“มาตรการภาษีศุลกากรและการเนรเทศผู้อพยพจำนวนมากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอ รวมถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น เป็นปัจจัยที่อาจผลักดันให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นในปีนี้”

 เจ้าหน้าที่เฟด 19 คนที่มีส่วนต่อการตัดสินใจเรื่องอัตราดอกเบี้ย ต้องการเห็นความคืบหน้าเพิ่มเติมเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ ก่อนที่จะตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม

ดังนั้นจึงคงอัตราดอกเบี้ยหลักของเฟดไว้ที่ 4.3% หลังจากปรับลดจากระดับสูงสุดในรอบ 2 ทศวรรษที่ 5.3% เมื่อปลายปีที่แล้ว การหยุดปรับอัตราดอกเบี้ยของเฟด ทำให้แนวโน้มที่ต้นทุนการกู้ยืมสำหรับผู้บริโภค รวมถึงสินเชื่อที่อยู่อาศัย สินเชื่อรถยนต์ และบัตรเครดิตจะลดลงในเร็วๆ นี้ เป็นไปได้น้อยลง

Back to top button