
“กัณฑรา” มอง SET ผันผวน แนะลงทุน NSL-SISB ชูพื้นฐานแกร่ง
“กัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา” มองตลาดหุ้นไทยยังคงผันผวนต่อเนื่อง พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้น Domestic Play ชู NSL–SISB พื้นฐานแกร่ง
นายกัณฑรา ลดาวัลย์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) หรือ FSS เปิดเผยผ่านรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (21 ก.พ.68) ว่าตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวนอย่างต่อเนื่อง โดยเมื่อวานนี้ ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปรับตัวลดลงอีกครั้งจนแตะระดับใกล้ 1,240 จุด อันเป็นผลมาจากแรงขายในหุ้นขนาดใหญ่ที่เคยเป็นปัจจัยหนุนตลาดก่อนหน้านี้ ส่งผลกระทบต่อดัชนีโดยรวมอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับแนวโน้มของตลาดในวันนี้ แม้มีโอกาสฟื้นตัว แต่ยังจำเป็นต้องจับตาการเคลื่อนไหวของหุ้นหลักดังกล่าวอย่างใกล้ชิด เนื่องจากหากราคาหุ้นเหล่านี้ยังไม่สามารถกลับเข้าสู่แดนบวกได้ อาจส่งผลให้ตลาดโดยรวมยังไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ระดับราคาปัจจุบันของหุ้นหลายตัวได้ปรับลดลงมาใกล้จุดเริ่มต้นของรอบเก็งกำไร ซึ่งอาจเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นสำหรับนักลงทุนที่มีมุมมองว่าธุรกิจยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
อย่างไรก็ตาม แรงขายที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ อาจเป็นผลมาจากการขายทำกำไรของนักลงทุนที่ได้รับผลตอบแทนจากรอบก่อนหน้า ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยภายนอก อาทิ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ และสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อบรรยากาศการลงทุนโดยรวม
ในส่วนของหุ้นกลุ่มพลังงาน เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือ PTT หลังจากประกาศผลประกอบการ ยังคงมีแนวโน้มที่ดี แต่ยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงจากสถานการณ์เศรษฐกิจและการเมืองระหว่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันและผลประกอบการของบริษัทในอนาคต
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในช่วงนี้ ในภาวะตลาดที่มีความผันผวน นักลงทุนอาจพิจารณาการลงทุนในหุ้นที่ได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจภายในประเทศ (Domestic Play) คือ บริษัท เอ็นเอสแอล ฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ NSL ซึ่งดำเนินธุรกิจอาหาร และบริษัท เอสไอเอสบี จำกัด (มหาชน) หรือ SISB ซึ่งอยู่ในกลุ่มการศึกษา โดยหุ้นทั้งสองตัวนี้ปรับตัวลดลงมาในระดับราคาที่น่าสนใจและยังมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
สำหรับนักลงทุนที่ถือหุ้นที่มีปัจจัยพื้นฐานดี ไม่จำเป็นต้องเร่งขายออกในช่วงที่ตลาดปรับตัวลง เนื่องจากระดับราคาปัจจุบันต่ำกว่ามูลค่าที่แท้จริงของหุ้นหลายตัว ในทางกลับกัน อาจเป็นโอกาสในการปรับโครงสร้างพอร์ตการลงทุน โดยลดการถือครองหุ้นที่มีพื้นฐานไม่แข็งแกร่ง และนำเงินลงทุนไปสู่หุ้นที่มีศักยภาพในการเติบโตมากกว่า
แม้ภาพรวมตลาดในระยะสั้นจะยังคงเผชิญกับความเสี่ยง แต่เศรษฐกิจไทยยังคงมีแนวโน้มเติบโตในระดับ 2-3% ซึ่งเป็นปัจจัยสนับสนุนให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์มีโอกาสฟื้นตัวได้ นักลงทุนจึงควรใช้ช่วงเวลานี้พิจารณาหุ้นที่มีศักยภาพ และบริหารพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับสภาวะตลาด เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว