“ดาวโจนส์” ร่วงหนัก 700 จุด หวั่นเศรษฐกิจชะลอตัว-ภาษีศุลกากรสหรัฐ

ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงหนักในวันศุกร์ (21 ก.พ.) โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ดิ่งลง 748.63 จุด หรือ 1.69% ปิดที่ 43,428.02 จุด ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq ปรับตัวลดลง 1.71% และ 2.20% ตามลำดับ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและนโยบายภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ

โดยตลาดถูกกดดันจากการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่ชี้ให้เห็นว่ากิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐฯ ชะลอตัวลง โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการร่วงลงสู่ระดับ 49.7 ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 25 เดือน บ่งชี้ว่าภาคบริการกำลังหดตัว ขณะที่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคลดลงเกินคาด ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนปรับตัวลดลงสู่ระดับ 64.7 ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์

ด้านนักลงทุนยังคงกังวลเกี่ยวกับแผนการขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ระบุว่าจะขยายมาตรการไปยังสินค้าประเภทไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์จากป่าไม้ นอกเหนือจากการเก็บภาษีนำเข้ารถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และยา ซึ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นเผชิญแรงเทขายต่อเนื่อง

ส่วนกลุ่มหุ้นที่อ่อนไหวต่อเศรษฐกิจ เช่น ขนส่ง อสังหาริมทรัพย์ และสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวลงมากกว่า 2% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ร่วงลง 2.9% โดยเฉพาะหุ้น Nvidia ที่ปรับตัวลดลงถึง 4.1% ก่อนการเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์หน้า

เกร็ก บาสซัค ซีอีโอของ AXS Investments ในมหานครนิวยอร์ก กล่าวว่า “ขณะนี้ตลาดได้รับผลกระทบจากความเชื่อมั่นผู้บริโภค ภาษีศุลกากร และผลประกอบการบริษัท มากกว่าปัจจัยด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) และเทคโนโลยี” พร้อมเตือนว่านักลงทุนควรเตรียมรับมือกับความผันผวนที่อาจดำเนินต่อไปจนถึงสิ้นไตรมาสแรก

ขณะที่ คริส วิลเลียมสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ของ S&P Global ระบุว่า “ความเชื่อมั่นทางธุรกิจของสหรัฐฯ กำลังลดลงอย่างเห็นได้ชัด ทุกอย่างดูไม่แน่นอนมากขึ้น”

สำหรับหุ้นรายตัว หุ้น Tesla และ Rivian ร่วงลง 4.7% หลังประกาศเรียกคืนรถยนต์ ส่วนหุ้น UnitedHealth ปรับตัวลดลง 7.2% หลังมีรายงานว่ากระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังสอบสวนเรื่องการเรียกเก็บเงินของบริษัทในโครงการ Medicare

ดัชนีความผันผวนของตลาด (CBOE Volatility Index) ปิดที่ระดับสูงสุดนับตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ สะท้อนถึงความวิตกกังวลของนักลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง