“ทรัมป์” เขย่าเพนตากอน ปลดผู้นำกองทัพ-ปรับโครงสร้างครั้งใหญ่

ทรัมป์สั่งปลด พลอากาศเอก ซี.คิว. บราวน์ จากตำแหน่งประธานเสนาธิการทหารร่วม สั่นสะเทือนกลาโหมสหรัฐฯ เดินหน้ายกเครื่องกองทัพ ปรับเปลี่ยนโครงสร้างครั้งใหญ่


ผู้สื่อข่าวรายงาน (23 ก.พ.68) ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สร้างความสั่นสะเทือนให้กับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือเพนตากอน ด้วยการสั่งปลดพลอากาศเอก ซี.คิว. บราวน์ ออกจากตำแหน่งประธานเสนาธิการทหารร่วม เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา พร้อมด้วยนายพลระดับสูงอีก 5 นาย นับเป็นการเปลี่ยนแปลงบุคลากรระดับสูงครั้งใหญ่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ทรัมป์ประกาศการปลดผ่าน Truth Social พร้อมเผยว่าเขาจะเสนอชื่อพลโทแดน เรซิน เคน อดีตผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านกิจการทหารแห่งสำนักข่าวกรองกลาง (CIA) ให้ขึ้นดำรงตำแหน่งแทน นอกจากนี้ พลเรือเอกลิซา เอ็ม. แฟรนเกตตี ผู้บัญชาการยุทธนาวีหญิงคนแรกของสหรัฐฯ ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่งพร้อมกับรองประธานเสนาธิการกองทัพอากาศ ผู้พิพากษาทั่วไปของกองทัพบก กองทัพเรือ และกองทัพอากาศ โดยมีผลในทันที

ด้านเจ้าหน้าที่ในสหรัฐฯ เผยว่าการปลดพลอากาศเอกบราวน์ ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ผิวสีคนที่ 2 ที่ดำรงตำแหน่งสูงสุดในกองทัพ อาจเป็นสัญญาณของแนวนโยบายใหม่ของทรัมป์ที่ต้องการลดบทบาทด้านความหลากหลายและความเท่าเทียมในกองทัพและภาครัฐ

นอกจากการเปลี่ยนแปลงผู้นำระดับสูง ทรัมป์ยังมีแผนปลดเจ้าหน้าที่เพนตากอนเพิ่มอีก 5,400 คนในสัปดาห์หน้า ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปรับลดขนาดรัฐบาล โดยในกระทรวงกลาโหมเพียงแห่งเดียว อาจมีการปลดพนักงานมากถึง 50,000 ตำแหน่งในระยะต่อไป

ขณะที่ดาริน เซลนิก เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาล เผยว่าเพนตากอนจะหยุดการจ้างงานและอาจลดจำนวนเจ้าหน้าที่พลเรือนที่มีอยู่ 950,000 คน ลงราว 5-8%

การปรับลดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปขนาดใหญ่ที่ดำเนินการโดยอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีและนักธุรกิจที่ทรัมป์แต่งตั้งให้เป็นหัวหน้ากระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล (Department of Government Efficiency – DOGE) ซึ่งมีหน้าที่ลดขนาดและเพิ่มประสิทธิภาพของภาครัฐ มัสก์ได้สั่งเลิกจ้างเจ้าหน้าที่รัฐและพนักงานจ้างไปแล้วกว่า 20,000 คน และยุบโครงการภาครัฐหลายโครงการ ตั้งแต่โครงการช่วยเหลือต่างประเทศไปจนถึงการกำกับดูแลทางการเงิน

อย่างไรก็ดี CNN ระบุวิเคราะห์ว่า การปลดบุคคลที่เป็นทั้งชาวผิวสีและสตรีในตำแหน่งสูงสุดของกองทัพ อาจสะท้อนถึงแนวทางใหม่ของรัฐบาลทรัมป์ที่ต้องการลดบทบาทของแนวคิดด้านความหลากหลายและการมีส่วนร่วมในภาครัฐ

การเปลี่ยนแปลงในเพนตากอนครั้งนี้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นของการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในรัฐบาลทรัมป์ ซึ่งยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว

Back to top button