CGSI มอง SET ผันผวน 1,230-1,265 จุด ชู SCB-CPAXT เด่น

CGSI ประเมิน SET สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวผันผวน 1,230-1,265 จุด ยังคงเผชิญแรงกดดันจากโดนัลด์ ทรัมป์ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงสถานะขายสุทธิหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน พร้อมแนะลงทุน SCB-CPAXT เด่น


บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGSI ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบต่อเนื่องเป็นวันที่สองในวันศุกร์ที่ผ่านมา (21 ก.พ.68) เผชิญแรงขายลดความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนนโยบายภาษีศุลกากรของปธน. ทรัมป์ที่อาจเกิดขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ หลังทรัมป์ประกาศเตรียมเรียกเก็บภาษีไม้แปรรูปและผลิตภัณฑ์จากป่าไม้เพิ่มเติม

โดยตลาดยังกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจสหรัฐที่ชะลอตัว ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ยังคงสูง หลังดัชนี PMI ภาคการบริการเดือนก.พ. สหรัฐลดลงไปอยู่ในโซนหดตัวที่ 49.7 ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 53.0 เมื่อเทียบกับเดือนม.ค. 52.9)

ขณะที่ PMI รวมภาคการผลิตและการบริการเบื้องต้นปรับตัวลงมาที่ 50.4 ต่ำสุดในรอบ 17 เดือน (เมื่อเทียบกับเดือนม.ค. 52.7) อีกทั้งยอดขายบ้านมือสองเดือนม.ค. ที่ลดลง 2.1 แสนยูนิต มาที่ 4.08 ล้านยูนิต ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 4.13 ล้านยูนิต สอดคล้องกับรายงานตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคจากมหาวิทยาลัยมิชิแกนเดือนก.พ. ลดลงเกือบ 10% มาที่ 64.7 ต่ำกว่าตลาดคาดที่ 67.8 พร้อมคาดการณ์เงินเฟ้อ 5 ปีจากผลสำรวจนี้อยู่ที่ 3.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1995

โดยดัชนี VIX ปิดที่ระดับสูงถึง 16.3% ส่งผลให้นักลงทุนเข้าสะสมในสินทรัพย์ปลอดภัย โดยราคาทองคำปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 8 แม้จะมีแรงขายทำกำไรออกมา (-0.1%) เมื่อวันศุกร์ (21 ก.พ.68) บอนด์ยีลด์สหรัฐปรับตัวลดลง

ด้านราคาน้ำมันดิบ WTI ร่วงลงกว่า 2.9% หลัง 1) ความตึงเครียดในตะวันออกกลางคลี่คลายลง 2) รายงานตัวเลขสินค้าคงคลังน้ำมันดิบจาก EIA ที่เพิ่มขึ้น ท่ามกลางแนวโน้มอุปทานน้ำมันที่เพิ่มสูง หลังบริษัท Baker Hughes ระบุว่าจำนวนแท่นขุดเจาะน้ำมันและก๊าซในสหรัฐเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นสัปดาห์ที่ 4 แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. เช่นเดียวกับการผลิตน้ำมันของคาซัคสถานที่แตะทำนิวไฮ

ทั้งนี้ คาดว่า SET Index สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวผันผวนบริเวณ 1,230-1,265 จุด มองว่าตลาดหุ้นไทยยังคงเผชิญแรงกดดันจาก Global Factor โดยเฉพาะ Sentiment ลบจากการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าของทรัมป์ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติยังคงสถานะขายสุทธิหุ้นไทยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน

สำหรับไฮไลต์สัปดาห์นี้ติดตามการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย หรือ การประชุมกนง. ในวันที่ 26 ก.พ.68 ที่ทางฝ่ายวิจัยมองว่ากนง. จะยังคงมีมติ “คง” อัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.25% แม้ตลาดจะให้น้ำหนักในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงมากขึ้นหลังตัวเลข GDP ไตรมาส 4/67 ออกมาอ่อนแอ เนื่องจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ไม่ได้ช่วยกระตุ้นการบริโภคภาคเอกชนมากเท่าที่ตลาดคาดไว้

นอกจากนี้ ติดตามช่วงสุดท้ายของการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/67 บริษัทจดทะเบียนไทย ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศติดตามรายงานตัวเลขเงินเฟ้อยูโรโซน (24 ก.พ.68) / รายงานความเชื่อมั่นผู้บริโภคจาก CB-ยอดขายบ้านใหม่-GDP ในไตรมาส 4/67-ดัชนี PCE สหรัฐ (25-28 ก.พ.68 ตามลำดับ) / PMI ภาคการผลิตของจีน (1 มี.ค.68)

สำหรับ หุ้นแนะนำ ดังนี้

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB ยังคงคาดว่ากนง. จะมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 2.25% ในการประชุมวันที่ 26 ก.พ.68 ซึ่งจะเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นกลุ่มธนาคาร ทั้งนี้ SCB เป็นหุ้น Top pick ของทางฝ่ายวิจัย เนื่องจากอัตราการจ่ายเงินปันผลที่สูง และ ROE น่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 9.4-9.5% ในปี 68-70 โดย SCB ประกาศจ่ายปันผลงวดล่าสุด 8.44 บาท/หุ้น ขึ้น XD 16 เม.ย.68 ขณะที่ยอดทั้งปี 67 จ่ายปันผลรวม 10.44 บาท/หุ้น คิดเป็นเงิน 3.5 หมื่นล้านบาท (Take profit : 127.5 / Stop loss : 124.5)

บริษัท ซีพี แอ็กซ์ตร้า จำกัด (มหาชน) หรือ CPAXT คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้น (GPM) ที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายที่ลดลงจาก synergy จะขับเคลื่อนการเติบโตของ EPS ในปี 68-69 ขณะที่ราคาหุ้นที่ปรับตัวลงช่วงสามเดือนที่ผ่านมาน่าจะรับรู้ความเสี่ยงในเรื่องธรรมาภิบาลแล้ว ส่งผลให้ความเสี่ยง-ผลตอบแทนดูดีขึ้น (Take profit : 29.50 / Stop loss : 27.75)

Back to top button