“บลูมเบิร์ก” ชี้ไทยส่อพลาดเป้า นทท.จีน 9 ล้านคน “เหตุลักพาตัว” เบนเข็มไปญี่ปุ่น-สิงคโปร์

“บลูมเบิร์ก” เผยไทยอาจพลาดเป้าดึงนักท่องเที่ยวจีน 9 ล้านคน หลังเหตุลักพาตัวสะเทือนภาพลักษณ์ ทำคนหนีไปเที่ยวญี่ปุ่น-สิงคโปร์พุ่ง รัฐบาลเร่งกู้ความเชื่อมั่น ฟื้นศรัทธาด้านความปลอดภัย


ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรณี เป้าหมายของประเทศไทยในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนจำนวน 9 ล้านคนในปี 2568 อาจเผชิญความท้าทาย หลังจากเหตุการณ์ลักพาตัวนักแสดงชาวจีนส่งผลให้เกิดความกังวลด้านความปลอดภัย และกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากเลือกเดินทางไปยังญี่ปุ่นและสิงคโปร์แทน

โดยอ้างอิงข้อมูลสำนักข่าวบลูมเบิร์ก ระบุว่า ในเดือนมกราคม 2568 อัตราการยกเลิกเที่ยวบินจากจีนมายังประเทศไทยเพิ่มขึ้นถึง 94% เนื่องจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากเปลี่ยนแผนการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางอื่น โดยเฉพาะญี่ปุ่น ซึ่งเป็นที่นิยมในช่วงเทศกาลตรุษจีน ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางมายังประเทศไทยในช่วงสองสัปดาห์แรกของเดือนกุมภาพันธ์ยังคงต่ำกว่าปี 2567

ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ด้านการท่องเที่ยวของไทย คือกรณีการลักพาตัว หวัง ซิง นักแสดงชาวจีน ซึ่งถูกล่อลวงจากประเทศไทยไปยังเมียนมา ก่อนจะได้รับการช่วยเหลือ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลในหมู่นักท่องเที่ยวจีน และนำไปสู่การยกเลิกแผนการเดินทางมายังประเทศไทยในช่วงตรุษจีนเป็นจำนวนมาก

แม้ว่าทางการไทยจะดำเนินมาตรการเชิงรุกในการปราบปรามกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติที่ใช้ประเทศไทยเป็นจุดผ่านทางสำหรับการค้ามนุษย์และหลอกลวงแรงงานไปทำงานในศูนย์หลอกลวงทางไซเบอร์ แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่า กระแสข่าวด้านลบยังคงได้รับความสนใจจากสาธารณชนมากกว่ามาตรการรักษาความปลอดภัยที่รัฐบาลไทยดำเนินการ ซึ่งอาจทำให้การฟื้นฟูภาพลักษณ์ด้านความปลอดภัยของประเทศไทยเป็นเรื่องที่ท้าทาย

ขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในหมู่นักท่องเที่ยวจีน โดยในไตรมาสแรกของปี 2568 จำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นมากกว่าสองเท่า เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันในปี 2567 ปัจจัยที่สนับสนุนแนวโน้มดังกล่าว ได้แก่ เงินเยนที่อ่อนค่าลง ทำให้การท่องเที่ยวมีความคุ้มค่ามากขึ้น รวมถึงค่าโดยสารเครื่องบินที่สามารถจองได้ในราคาที่ต่ำเพียง 150 ดอลลาร์สหรัฐ สำหรับเส้นทางเซี่ยงไฮ้–โตเกียว

ด้านสถิติจากองค์การส่งเสริมการท่องเที่ยวแห่งประเทศญี่ปุ่น (JNTO) ระบุว่า ญี่ปุ่นสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนเข้าประเทศได้มากถึง 980,000 คน ในเดือนมกราคม 2568 โดยเพิ่มขึ้นจากปี 2567 กว่าสองเท่า ขณะที่ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้ามาประมาณ 711,000 คน ในช่วงเวลาเดียวกัน

นอกจากนี้ มาตรการยกเว้นวีซ่าของ สิงคโปร์และมาเลเซีย ยังเป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้นักท่องเที่ยวจีนเลือกเดินทางไปยังประเทศเหล่านี้แทนประเทศไทย

รัฐบาลไทยได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ เช่น การตัดไฟฟ้าและปิดสถานประกอบการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจผิดกฎหมายในเมียนมา รวมถึงร่วมมือกับรัฐบาลเมียนมาในการกวาดล้างศูนย์หลอกลวง ซึ่งสามารถช่วยเหลือแรงงานต่างชาติได้มากกว่า 1,000 คน รวมถึงชาวจีนหลายร้อยชีวิต อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีความแน่ชัดว่ามาตรการเหล่านี้จะสามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวจีนได้ในระยะเวลาอันใกล้

สำหรับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 12% ของ GDP และคิดเป็น 20% ของการจ้างงานทั้งหมด มีบทบาทสำคัญต่อเศรษฐกิจของประเทศ โดยคาดว่าในปี 2568 รายได้จากการท่องเที่ยวจะอยู่ที่ประมาณ 55,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นักวิเคราะห์ระบุว่า หากประเทศไทยไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้านความปลอดภัยได้ภายในไตรมาสแรกของปี ก็เป็นไปได้ยากที่ประเทศจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนจำนวน 8.8 ล้านคน ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ และหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้นตลอดทั้งปี 2568 อาจทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวจีนลดลงเหลือเพียง 7.5 ล้านคน

ทั้งนี้ แม้ว่าจะมีสัญญาณบ่งบอกว่า ความกังวลของนักท่องเที่ยวจีนเริ่มลดลงไปบ้างแล้ว แต่แนวโน้มโดยรวมยังคงไม่แน่นอน

สำหรับข้อมูลจาก China Trading Desk ระบุว่า ยอดจองเที่ยวบินจากจีนมายังประเทศไทยในเดือนมีนาคมยังคงลดลง 10% เมื่อเทียบรายสัปดาห์ อย่างไรก็ตาม อุปสงค์สำหรับเที่ยวบินดังกล่าวในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมเริ่มมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากกว่า 3%

นายกสมาคมโรงแรมไทยให้ความเห็นว่า นอกจากมาตรการรักษาความปลอดภัยแล้ว ประเทศไทยควรเร่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวใหม่ ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยว แทนที่จะพึ่งพาแค่จุดหมายปลายทางหลัก เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต และเชียงใหม่ โดยต้องยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวให้มีความหลากหลายมากขึ้น

Back to top button