
BTG รายได้พุ่ง-คุมต้นทุนเยี่ยม ดันงบ ปี 67 พลิกกำไร 2.5 พันล้านบาท
BTG ทำกำไรสุทธิปี 2567 เติบโตที่ 2,466.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากขาดทุนปี 2566 กำไรขั้นต้นและ EBITDA ขึ้นแรงจากการบริหารต้นทุนและราคาขายที่ดีทั้งธุรกิจอาหารและโปรตีน
บริษัท เบทาโกร จำกัด (มหาชน) หรือ BTG รายงานผลการดำเนินงานงบปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ ดังนี้
บริษัทมีกำไรสุทธิปี 2567 อยู่ที่ 2,466.2 ล้านบาทและมีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ร้อยละ 2.1 เทียบกับขาดทุนสุทธิที่ระดับ 1,398.2 ล้านบาทและอัตราขาดทุนที่ร้อยละ 1.3 ในปี 2566 ทั้งนี้ กำไรสุทธิและอัตรากำไรสุทธิดังกล่าว โดยหลักเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของอัตรากำไรขั้นต้น และการควบคุมค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
โดยรายได้รวมของบริษัทฯ ในปี 2567 อยู่ที่ระดับ 114,942.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 5.3 จาก 109,140.4 ล้านบาทในปี 2566 ตามการเพิ่มขึ้นของรายได้ของทุกลุ่มธุรกิจ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน ที่มีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.3 จากปีก่อนหน้า ตามความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น ทั้งการบริโภคภายในประเทศและการส่งออก รวมทั้งมีการบริหารพอร์ตการชายสินค้าไปสู่ผลิตภัณฑ์ที่มีอัตรากำไรสูงขึ้น เช่น อาหารแปรรูปและอาหารพร้อมทาน เป็นต้น ขณะที่รายได้ของกลุ่มธุรกิจเกษตรเพิ่มขึ้นจากปริมาณการขายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์ที่เพิ่มขึ้นตามการขยายกำลังการผลิตของบริษัทฯ ที่โรงงานอาหารสัตว์แห่งใหม่ ในอำเภอแปลงยาว จังหวัดฉะเชิงเทรา
อีกทั้งกำไรขั้นต้นของบริษัทฯ ในปี 2567 อยู่ที่ระดับ 15,401.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 42.1 จาก 10,837.6 ล้านบาทในปี 2566 โดยบริษัทฯ มีอัตรากำไรขั้นตันตันอยู่ที่ร้อยละ 13.5 ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 10.0 ในปี 2566 ทั้งนี้การเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นตันและอัตรากำไรชั้นตันดังกล่าว โดยหลักเป็นผลมาจาก 1) ตันทุนวัตถุดิบที่ลดลง ตามราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ลดลง โดยเฉพาะราคาข้าวโพดและกากถั่วเหลือง 2) ราคาไก่เพิ่มขึ้น ตามการส่งออกที่ยังโตดีต่อเนื่อง ทั้งในสหภาพยุโรป อังกฤษ และญี่ปุ่น และ 3) ราคาสุกรในประเทศไทยเริ่มพื้นตัว โดยเฉพาะในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จากการลดลงของปัญหาสุกรเถื่อน รวมทั้งมาตรการการรักษาเสถียรภาพราคาสุกรของคณะกรรมการนโขบายพัฒนาสุกรและผลิตภัณฑ์ (Pig Board) เช่น การตัดวงจรลูกสุกรและแม่พันธุ์ในระบบ รวมทั้งการผลักดันการส่งออกสุกรไปต่างประเทศ
สำหรับ EBITDA ของบริษัทฯ ในปี 2567 อยู่ที่ระดับ 9,250.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 113.4 จาก 4,334.0 ล้านบาท ในปี 2566 โดยบริษัทฯ มีอัตรา EBITDA อยู่ที่ร้อยละ 8.0 ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.0 ในปี 2566 ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของ EBITDA และอัตรา EBITDA ดังกล่าว โดยหลักเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของกำไรขั้นตันและอัตรากำไรขั้นตันของกลุ่มธุรกิจอาหารและโปรตีน อย่างไรก็ดี บริษัทฯ สามารถควบคุมค่าใช้จ่ายใด้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการจัดจำหน่ายและบริหารต่อรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการในปี 2567 อยู่ที่ระดับ 10.5% ลดลงจากปี 2566 ที่ระดับ 10.7%