
GULF กางแผนปีนี้วางงบ 2.3 หมื่นล้าน ลุยพลังงานหมุนเวียน-ดาต้าเซ็นเตอร์ ดันรายได้โต 25%
GULF กางแผนปี 68 วางงบลงทุน 2.3 หมื่นล้านบาท ลุยธุรกิจพลังงานหมุนเวียน และดาต้าเซ็นเตอร์ พร้อมตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 20-25% จากการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า พร้อมอัดงบ 5 ปีแตะ 9 หมื่นล้านบาท
นางสาวยุพาพิน วังวิวัฒน์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงิน บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 23 ก.พ.2568 ว่าผลประกอบการปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 18,170.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 22.30% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 14,857.73 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 124,585 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงปีก่อนอยู่ที่ 116,951 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากธุรกิจโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ธุรกิจพลังงาน รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจาก INTUCH
สำหรับแนวโน้มในปี 2568 บริษัทคาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยตั้งเป้ารายได้เพิ่มขึ้น 20-25% จากการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้า (New Capacity Growth) ซึ่งจะมีโครงการสำคัญที่ทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) ได้แก่ โครงการหินกอง Power หน่วยที่ 2 กำลังผลิต 770 เมกะวัตต์, โซลาร์ฟาร์มและโซลาร์แบตเตอรี่เกือบ 600 เมกะวัตต์ และโซลาร์รูฟท็อป 110 เมกะวัตต์ ส่งผลให้กำลังการผลิตไฟฟ้ารวม (Gross Installed Capacity) เติบโตจาก 15,000 เมกะวัตต์ เป็น 16,500 เมกะวัตต์
อีกทั้งบริษัทจะเริ่มรับรู้ผลประกอบการเต็มปีจากโครงการโซลาร์ฟาร์มและโซลาร์แบตเตอรี่ในประเทศ รวมถึงโครงการ GPD มีกำลังผลิต 2,650 เมกะวัตต์ที่จะรับรู้กำไรครบทั้ง 4 ยูนิต ซึ่งช่วยเสริมรายได้และผลกำไรของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ GULF ยังมีแผนนำเข้า LNG เพิ่มขึ้นอีก 70 ลำ คิดเป็น 4-5 ล้านตันต่อปี เพื่อรองรับการขยายตัวของธุรกิจพลังงาน
โดยในด้านธุรกิจดิจิทัล บริษัทเตรียมเปิดให้บริการ Data Center เฟสแรก กำลังผลิต 25 เมกะวัตต์ และ Cloud Services ที่พัฒนาร่วมกับ Google ซึ่งคาดว่าจะช่วยเสริมศักยภาพในการแข่งขันของ GULF ในธุรกิจดิจิทัลได้อย่างแข็งแกร่ง
ขณะเดียวกันในส่วนของการลงทุนในบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC บริษัทคาดว่าจะรับรู้กำไรจากการถือหุ้น ไม่ต่ำกว่า 3,500 ล้านบาทต่อปี ซึ่งจะช่วยเพิ่มกระแสเงินสดและสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทยังเดินหน้าขยายการลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ท่าเรือ นิคมอุตสาหกรรม มอเตอร์เวย์ และระบบสาธารณูปโภค พร้อมกับการลงทุนในธุรกิจดิจิทัลผ่าน INTUCH, THCOM, Data Center และ Digital Asset Exchange โดย Data Center แห่งใหม่จะเริ่มทยอยเปิดดำเนินการ (COD) ตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป
นางสาวยุพาพิน กล่าวว่า สำหรับแผนการลงทุนในปี 2568 บริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 23,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการพลังงานหมุนเวียน ขณะที่แผนการลงทุนระหว่างปี 2568-2572 บริษัทตั้งงบลงทุนประมาณ 90,000 ล้านบาท โดยเน้นลงทุนในพลังงานหมุนเวียน 70% และธุรกิจดิจิทัล 20% ซึ่งประกอบด้วยโครงการพลังงานแสงอาทิตย์และโครงการพลังงานลมในประเทศไทย รวมประมาณกว่า 3,000 เมกะวัตต์, โครงการพลังน้ำในประเทศลาวอีกประมาณ 3,142 เมกะวัตต์ และโครงการพลังงานลมในประเทศอังกฤษอีก 1,500 เมกะวัตต์
สำหรับธุรกิจ Gas-Fired และ Gas Business บริษัทมีแผนลงทุนประมาณ 14% ซึ่งรวมถึงโครงการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติบูรพา กำลังการผลิต 600 เมกะวัตต์ ขณะที่ธุรกิจดิจิทัลและการลงทุนคิดเป็นสัดส่วน 5% โดยมุ่งเน้นไปที่การขยาย Data Center ส่วนธุรกิจโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) จะใช้เงินลงทุนประมาณ 2% สำหรับโครงการท่าเรือแหลมฉบัง (Deep Container Port) และโครงการมอเตอร์เวย์ M6 และ M81
ขณะที่ปัจจุบันบริษัทมีกำลังการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติใน ไทย โอมาน และสหรัฐอเมริกา รวมกันมากกว่า 14 กิกะวัตต์พร้อมทั้งดำเนินโครงการพลังงานหมุนเวียนในหลายประเทศ โดยให้ความสำคัญกับการลดการปล่อยคาร์บอนตามเป้าหมาย Net Zero บริษัทตั้งเป้าลด Scope 1 Carbon Intensity ลง 25% ภายในปี 2573 และมุ่งสู่ Net Zero สำหรับ Scope 1 & Scope 2 GHG Emissions ภายในปี 2593
นอกจากนี้ยังคงดำเนินนโยบาย No Coal Policy อย่างเคร่งครัด และให้การสนับสนุนก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงในช่วงเปลี่ยนผ่าน พร้อมทั้งตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วน โครงการพลังงานหมุนเวียนเป็น 40% ภายในปี 2578
“ทั้งนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนในทุกมิติ โดยเฉพาะ พลังงานสะอาดและเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน พร้อมทั้งวางรากฐานให้แข็งแกร่งสำหรับอนาคต” นางสาวยุพาพิน กล่าวทิ้งท้าย