MCA โชว์รายได้โต 40% แตะ 659 ล้านบาท เคาะจ่ายปันผล 0.045 บ. จ่อ XD 2 พ.ค.นี้

MCA โชว์รายได้รวมปี 2567 แตะ 658.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.65% และมีกำไรสุทธิ 20.44 ล้านบาท จากจำนวนลูกค้าที่ให้บริการเพิ่มขึ้น 208 บริษัท หรือ 382 แบรนด์ ล่าสุดบอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.045 บาท จ่อขึ้น XD วันที่ 2 พ.ค.นี้ เพื่อจ่ายปันผล วันที่ 22 พ.ค. 2568


นายภักดี เหล่างาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มาร์เก็ต คอนเน็กชั่นส์ เอเชีย จำกัด (มหาชน) หรือ MCA  เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานสำหรับงวดปี 2567 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 658.85 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.65% เมื่อเทียบจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 20.44 ล้านบาท ขณะที่กำไรขั้นต้น 115.23 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 9.24% โดยบริษัทฯ มีลูกค้าที่ให้บริการเพิ่มขึ้นเป็น 208 บริษัท หรือ 382 แบรนด์ ซึ่งมีลูกค้าเพิ่มขึ้น 2 บริษัท หรือ 143 แบรนด์ โดยเป็นลูกค้าเก่าที่ทำงานต่อเนื่องมา ร้อยละ 58.74 และมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.83 แบรนด์ใหม่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.34 และมีสัญญาจ้างบริการต่อเนื่องไปจนถึงปี 2568 ที่งานยังไม่แล้วเสร็จ รวมมูลค่าทั้งหมด 46 ล้านบาท

สำหรับการเติบโตของรายได้ดังกล่าว มาจาก 5 กลุ่มธุรกิจ 1. บริการจัดกิจกรรมทางการตลาดและดิจิทัล มีรายได้ 153.41 ล้านบาท โดยมีลูกค้าที่ให้บริการ 102 บริษัท หรือ 108 แบรนด์ ซึ่งมีลูกค้า ใหม่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 36.27 และแบรนด์ใหม่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.19 ขณะเดียวกันงานด้านการบริการ Outsourcing Coordinate มีปริมาณงานเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากมีลักษณะการว่าจ้างงานแบบต่อเนื่อง และเป็นสัญญาระยะยาว ประกอบกับบริษัทฯ ยกระดับการพัฒนาการให้บริการด้าน Digital ส่งผลให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า โดยที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนในบริษัทผลิตสื่อสิ่งพิมพ์ครบวงจร ภายใต้ “ยูเอ็ม ดีไซน์ แอนด์ โปรดักชั่น” เพื่อให้บริการด้านสิ่งพิมพ์แบบครบวงจร รวมถึงการออกแบบการผลิตงานสิ่งพิมพ์ และการให้บริการติดตั้งงานพิมพ์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและการเติบโตของธุรกิจในอนาคต และเป็นการบริหารจัดการต้นทุนให้ดียิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มศักยภาพการแข่งขัน และสร้างการรายได้เพิ่มให้บริษัทฯ ในอนาคต

2. บริการบรรจุและจัดส่งสินค้า มีรายได้ 11.75 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีลูกค้าที่ให้บริการ 15 บริษัท 15 แบรนด์ ภายใต้การมุ่งเน้นให้บริการที่ครอบคลุมที่มีความเกี่ยวเนื่องกับการให้บริการด้านการจัดส่งสินค้า ทั้งในเรื่องของการบรรจุ หีบห่อ, การ Set Up Booth & Maintenance รวมถึงการรื้อถอนโครงสร้าง และการ Tracking สินค้า ผ่านระบบ Application เพื่อช่วยให้การบริการครบวงจร

3. บริการพนักงานแนะนำสินค้า มีรายได้ 163.19 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.86 โดยมีลูกค้าที่ให้บริการ 136 บริษัท 148 แบรนด์ โดยเป็นลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 36.03 แบรนด์ใหม่เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.81 ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เพิ่มปริมาณงานบริการด้าน Outsourcing PG, BA มากขึ้น โดยเป็นการบริหารจัดการพนักงานเชียร์ขายสินค้าในรูปแบบพนักงานประจำที่ทำงานต่อเนื่องสัญญาระยะเวลา

4. บริการจัดเรียงสินค้า มีรายได้ 257.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 66.43 และมีลูกค้าที่ให้บริการปี 2567 เท่ากับ 60 บริษัท 126 แบรนด์ โดยเป็นกลุ่มลูกค้าใหม่เข้ามาเพิ่มขึ้น ร้อยละ 51.67 แบรนด์ใหม่เพิ่มขึ้น ร้อยละ 35.71 รายได้จากบริการจัดเรียงสินค้าเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากการขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ และเพิ่มปริมาณงานบริการด้าน Outsourcing Merchandiser

5. การจัดจำหน่ายสินค้า มีรายได้ 71.58 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 401.07 เนื่องจากบริษัทฯ ได้รับการแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศตั้งแต่ วันที่ 15 สิงหาคม 2567 จากบริษัท สยามเฮลท์ จำกัด และปัจจุบันจำหน่ายสินค้ารวม 15 แบรนด์ สำหรับธุรกิจผู้จัดจำหน่ายสินค้าเป็นธุรกิจใหม่ที่ทางบริษัทฯ ขยายขึ้นมาเพื่อให้มีการบริการที่ครบวงจร และตอบโจทย์ความต้องการของตลาดในกลุ่มเจ้าของสินค้าที่มองหาผู้จัดจำหน่ายสินค้าที่มีความเชี่ยวชาญในการขายและการตลาดสามารถช่วยให้สินค้าเข้าถึงผู้บริโภคอย่างมีประสิทธิภาพ และมียอดขายที่เติบโตมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเสนอผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการจ่ายปันผลเงินสดงวดปี 2567 (ม.ค.-ธ.ค.) ในอัตราหุ้นละ 0.045 บาท โดยวันกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 6 พฤษภาคม 2568 และวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 2 พฤษภาคม 2568 เพื่อจ่ายปันผลในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568

สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมในปี 2568 นายภักดี กล่าวเพิ่มเติมว่า อุตสาหกรรมการตลาดดิจิทัลในปัจจุบันกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว การเพิ่มขึ้นของการใช้งานอินเทอร์เน็ต และสื่อโซเชียลทำให้การโฆษณาออนไลน์เป็นที่นิยมมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯ ต้องยกระดับการพัฒนาโดยนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น Big Data หรือ AI เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์ข้อมูล และการสร้างกลยุทธ์ทางการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ดังนั้น เพื่อให้บริษัทฯ สามารถแข่งขันได้ในอุตสาหกรรมการตลาด เราจึงมุ่งเน้นสร้างความแตกต่าง  และการนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมาย โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือรูปแบบบริการที่สามารถปรับตัวตามเทรนด์ใหม่ๆ ภายใต้การบริหารจัดการต้นทุนที่เหมาะสม

Back to top button