
CK เปิดกำไรปี 67 ลดลง 4% แตะ 1.45 พันล้าน บอร์ดไฟเขียวแจกปันผล 0.15 บ.
CK เผยงบฯปี 67 มีกำไรสุทธิ 1.45 พันล้านบาท ขณะที่รายได้จากสัญญาก่อสร้าง 3.75 หมื่นล้านบาท และกำไรขั้นต้น 2.72 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.75% พร้อมเสนอจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท ขึ้น XD วันที่ 12 มี.ค. 68 กำหนดวันที่จ่ายปันผลในวันที่ 28 เม.ย.68
บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK รายงานผลการดำเนินงานงบปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567 มีกำไรสุทธิ 1,445.90 ล้านบาท ลดลง 3.81% เมื่อเทียบกับงวดเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,500.98 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานประจำปี 2567 โดยมีรายได้จากสัญญาก่อสร้าง 37,458 ล้านบาท คิดเป็น 96.62% ของรายได้รวม เพิ่มขึ้น 973 ล้านบาท หรือ 2.67% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยการเติบโตของรายได้มาจากการรับรู้รายได้จากโครงการก่อสร้างที่มีอยู่เดิม รวมถึงโครงการใหม่ที่ได้รับการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง
สำหรับโครงการหลักที่มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนรายได้ของบริษัทฯ ในปีนี้ ได้แก่ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง, โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง เตาปูน–ราษฎร์บูรณะ (สายสีม่วงใต้), โครงการก่อสร้างทางรถไฟสายเด่นชัย–เชียงราย–เชียง ของสัญญาที่ 2 ช่วงงาว–เชียงราย และสัญญาที่ 3 ช่วงเชียงราย–เชียงของ
ส่วนการดำเนินงานของบริษัทฯ เป็นไปตามแผนที่วางไว้ โดยมีหลายโครงการที่อยู่ในช่วงปลายของแผนการก่อสร้าง อาทิสัญญางานก่อสร้างอาคารศูนย์การเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติเจ้าฟ้าจุฬาภรณ์ และโครงการก่อสร้างอุโมงค์ส่งน้ำบางมด–สำโรง
ขณะที่โครงการใหม่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นโครงการ เช่น โครงการก่อสร้างระบบบำบัดน้ำเสียธนบุรีและสวนสาธารณะพื้นที่แขวงบางขุนนนท์ กรุงเทพมหานคร รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม
บริษัทและบริษัทย่อยรายงานผลประกอบการประจำปี 2567 โดยมีต้นทุนในการรับเหมาก่อสร้าง 34,742 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 825 ล้านบาท หรือ 2.43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ บริษัทและบริษัทย่อยมีกำไรขั้นต้น 2,716 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 148 ล้านบาท หรือ 5.75% จากปีก่อนหน้า สะท้อนถึงความคืบหน้าในการดำเนินงานก่อสร้างที่เป็นไปตามแผน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 7.25% เทียบกับ 7.04% ในปีที่ผ่านมา
สำหรับปี 2567 บริษัทและบริษัทย่อยมีค่าใช้จ่ายในการบริหารจำนวน 2,229 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 178 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า คิดเป็น 8.69% โดยสาเหตุหลักมาจาก ค่าใช้จ่ายของงานที่เพิ่มขึ้นตามการเร่งตัวของโครงการ และ ค่าใช้จ่ายพนักงานประจำปี
สำหรับปี 2567 บริษัทและบริษัทย่อยมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมจำนวน 1,875 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 355 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า หรือคิดเป็นการเติบโต 23.37% สาเหตุหลักมาจาก บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM มีส่วนแบ่งกำไรเพิ่มขึ้นจาก ปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้าที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้ปรับตัวสูงขึ้น
ขณะที่ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP รับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม ได้แก่ บริษัท หลวงพระบาง พาวเวอร์ จำกัด จากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน, บริษัท ไซยะบุรี พาวเวอร์ จำกัด ซึ่งส่วนแบ่งกำไรจากการดำเนินงานลดลง เนื่องจาก ปริมาณการขายไฟฟ้าที่ลดลง และ ค่าใช้จ่ายทางการเงินที่เพิ่มขึ้น
อีกทั้งในปี 2567 บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนทางการเงินจำนวน 2,020 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 190 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า เนื่องจาก อัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น และบริษัทและบริษัทย่อยมีอัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นตามงบการเงินรวมเท่ากับ 1.67 เท่า ลดลงจาก 1.84 เท่า ณ สิ้นปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนดังกล่าวยังคง ต่ำกว่าข้อกำหนดของการออกหุ้นกู้ ซึ่งกำหนดไว้ที่ ไม่เกิน 3.00 เท่า
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทฯ ขอเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นให้พิจารณาอนุมัติการจัดสรรเงินกำไร โดยจ่ายเงินปันผลสำหรับงวดครึ่งปีหลังของปี 2567 ซึ่งเป็นกำไรสะสมจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท รวมเป็นเงินจำนวนไม่เกิน 252,972,550.80 บาท โดยกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิ์ปันผล (XD) ในวันที่ 12 มีนาคม 2568 และกำหนดวันที่จ่ายปันผลในวันที่ 28 เมษายน 2568