AGE กวาดรายได้ปี 67 แตะ 1.4 หมื่นล้านบาท รับส่งออกถ่านหิน-โลจิสติกส์หนุน

 บริษัท เอเชีย กรีน เอนเนอจี จำกัด (มหาชน) หรือ AGE รายงานผลประกอบการปี 67 พลิกขาดทุนสุทธิ ดังนี้

สำหรับ AGE รายงานผลประกอบการปี 2567 พลิกขาดทุนสุทธิ 221.18 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 285.10 ล้านบาท ในปี 2567 กลุ่มบริษัทมีรายได้จากการดำเนินงานอยู่ที่ 14,719.30 ล้านบาท ลดลง 827.30 ล้านบาท หรือ 5.30% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้ 15,595.30 ล้านบาท โดยมีสาเหตุหลักจากธุรกิจถ่านหินภายในประเทศที่ปรับตัวลดลง 15.10% ซึ่งเป็นผลมาจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่ลดลง 14.90% สอดคล้องกับแนวโน้มราคาถ่านหินโลก รวมถึงปริมาณการขายที่ลดลง 0.3%

ในปี 2567 กลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่าย 999.80 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 179.0 ล้านบาท หรือ 21.80% เมื่อเทียบกับปี 2566 ปัจจัยหลักมาจากการเปลี่ยนแปลงของส่วนผสมโครงสร้างสถานที่จัดส่งลูกค้า (Customer Location Mix) ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนของลูกค้าระยะไกลเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการขนส่งสูงขึ้นตามระยะทาง และปริมาณการส่งออกที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้อัตราค่าใช้จ่ายในการขายและจัดจำหน่ายต่อรายได้รวมอยู่ที่ 6.80% ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 5.30% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่ลดลง

นอกจากนี้ ในปี 2567 กลุ่มบริษัทมีค่าใช้จ่ายในการบริหาร 390.60 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.10 ล้านบาท หรือ 14.40% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยปัจจัยหลักมาจากการบันทึกผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 8.64 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม บริษัทมีมาตรการเชิงกลยุทธ์เพื่อจัดการกับความเสี่ยงด้านเครดิตอย่างต่อเนื่อง ค่าใช้จ่ายที่ปรึกษาและค่าบริการเพิ่มขึ้นเป็น 28.23 ล้านบาท โดยรวมถึงค่าความเสียหายจากการผิดข้อตกลงสัญญาซื้อขายถ่านหิน ซึ่งบริษัทแพ้คดีความจากการถูกฟ้องร้องโดยคู่ค้า คิดเป็นมูลค่า 21.80 ล้านบาท อีกทั้งยังมีค่าใช้จ่ายจากการปรับโครงสร้างองค์กร และกระบวนการแลกเปลี่ยนหุ้นรวม 5 ล้านบาท ส่งผลให้อัตราค่าใช้จ่ายในการบริหารต่อรายได้รวมอยู่ที่ 27% ในปี 2567 เพิ่มขึ้นจาก 22% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจถ่านหินส่งออกต่างประเทศปรับตัวเพิ่มขึ้น 58.60% โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาขายถ่านหินเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 58.50% และปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น 63.30% นอกจากนี้ ธุรกิจโลจิสติกส์ปรับตัวเพิ่มขึ้น 16% เนื่องจากการเติบโตในกลุ่มธุรกิจแก๊สสเตชันและการขนส่งทางบก ซึ่งมีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง