EA ล้างไพ่! ตั้งสำรอง 9,544 ล้าน ตัดขาดทุน “EV–แบตเตอรี่-ลูกหนี้การค้า” หวังปี 68 คัมแบ็ค

บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA เปิดเผยงบการเงินปี 2567 โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 18,522 ล้านบาท ลดลง 39.1% จากปีก่อนหน้า และขาดทุนสุทธิ 8,250 ล้านบาท (โดยเป็นส่วนของบริษัทใหญ่ 4,630 ล้านบาท) ซึ่งเป็นผลมาจากการตั้งสำรองทางบัญชีจำนวนมากในไตรมาสที่ 4 โดยหากตัดรายการพิเศษออกไป บริษัทจะยังมีกำไรจากการดำเนินงาน 2,227 ล้านบาท แต่การรับรู้ขาดทุนจากสินค้าคงเหลือ ลูกหนี้การค้า และการด้อยค่าสินทรัพย์ ส่งผลต่อตัวเลขผลประกอบการโดยรวมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งนี้ ไตรมาสสุดท้ายของปี 67 บริษัทได้บันทึกรายการพิเศษรวมกว่า 9,544 ล้านบาท (โดยเป็นส่วนของบริษัทใหญ่ 6,604 ล้านบาท) โดยเป็นการตั้งสำรองค่าเผื่อปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ เช่น แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนจำนวน 3,158 ล้านบาท และรถโดยสารไฟฟ้าอีก 333 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังสำรองผลขาดทุนจากลูกหนี้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น บริษัท เน็กซ์ พอยท์ และกลุ่มไทยสมายบัส คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 2,154 ล้านบาท รวมถึงการรับรู้ขาดทุนจากการด้อยค่าสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอาคารและอุปกรณ์ 1,173 ล้านบาท ค่าความนิยม 920 ล้านบาท และขาดทุนจากการตัดจำหน่ายสินทรัพย์อีก 482 ล้านบาท

นายฉัตรพล ศรีประทุม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ EA เปิดเผยว่า ในปี 2567 บริษัทมีกระแสเงินสดมากกว่า 8,000 ล้านบาท และหากไม่รวมรายการปรับปรุงทางบัญชีครั้งนี้ บริษัทจะมีกำไรเกิน 2,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความมั่นคงทางการเงิน ในด้านกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ บริษัทกำลังปรับเปลี่ยนโมเดลธุรกิจของยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์และแบตเตอรี่ โดยร่วมมือกับผู้นำระดับโลกในแต่ละอุตสาหกรรม

โดยหนึ่งในความร่วมมือสำคัญคือการจับมือกับบริษัท เฉิงหลี่ สเปเชียล ออโตโมบิล จำกัด (Chengli Special Automobile Co., Ltd.) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ผลิตยานยนต์ประเภทพิเศษรายใหญ่ที่สุดของจีน ที่มียอดส่งออกรถมากกว่า 30,000 คัน ไปยังกว่า 30 ประเทศทั่วโลก การพัฒนาสินค้าภายใต้ความร่วมมือนี้จะใช้โรงงานของ EA เป็นฐานการผลิต นอกจากนี้ ในธุรกิจแบตเตอรี่ บริษัทอยู่ระหว่างกระบวนการตรวจสอบทางกฎหมายสำหรับข้อตกลงกิจการร่วมค้ากับหนึ่งในผู้ผลิตแบตเตอรี่ชั้นนำของจีน โดยมีแผนใช้โรงงานของ EA ในประเทศไทยเป็นฐานการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน สำหรับการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาและยุโรป ขณะนี้ บริษัทกำลังพิจารณาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากภาษีระหว่างจีนและสหรัฐฯ ต่อแผนการดำเนินงานในอนาคต

ส่วนด้านความยั่งยืนนั้น นายฉัตรพล ระบุว่า EA ได้รับการจัดอันดับด้าน ESG จาก MSCI ESG Research ซึ่งเป็นองค์กรที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยได้รับการปรับระดับจาก A เป็น AA และได้รับการยกย่องว่าเป็น “ผู้นำในกลุ่มธุรกิจเดียวกันด้านเทคโนโลยีสะอาด” ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญที่สะท้อนถึงความพยายามของบริษัทในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนควบคู่ไปกับการฟื้นตัวของธุรกิจ

สำหรับผลการดำเนินงานปี 2567 นั้น นายฉัตรพล ระบุว่า บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน (ไม่รวมรายการพิเศษ) เป็นบวก และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม บริษัทมีการบันทึกผลขาดทุนสุทธิ กว่า 4,600 ล้านบาท ซึ่งเกิดจากการปรับปรุงบัญชีที่ไม่ใช่เงินสด (one-time non-cash accounting write-off) กว่า 9,000 ล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นการสำรองค่าเผื่อการปรับลดมูลค่าสินค้าคงเหลือ ซึ่งไม่มีผลกระทบต่อกระแสเงินสดหรือธุรกิจหลักของบริษัท

นายวสุ กลมเกลี้ยง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงินของ EA ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า แม้จะมีการปรับปรุงทางบัญชีดังกล่าว บริษัทยังคงมี EBITDA (ไม่รวมรายการพิเศษ) เกือบ 8,000 ล้านบาท และกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก กว่า 8,000 ล้านบาท แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจหลักอย่างต่อเนื่อง กำไรสุทธิส่วนของบริษัทใหญ่ (ไม่รวมรายการพิเศษ) อยู่ที่ มากกว่า 2,200 ล้านบาท แม้ว่าจะลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า แต่ยังคงสะท้อนถึงความแข็งแกร่งของธุรกิจหลัก

จากการปรับโครงสร้างทางการเงินในครั้งนี้ คาดว่า Book Value ต่อหุ้น (BVPS) จะอยู่ที่ประมาณ 8 บาท ทำให้งบดุลสะท้อนมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์ได้อย่างชัดเจนมากขึ้น บริษัทมุ่งมั่นที่จะดำเนินกลยุทธ์เสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้มีส่วนได้เสีย พร้อมเดินหน้าสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต