เปิดร่างสุดท้าย “พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ฯ” คนไทยเล่น “กาสิโน” ต้องมี 50 ล้าน

เปิดร่าง  “พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ฯ” ของกฤษฎีกาที่ได้มีการพิจารณาเรียบน้อยแล้ว ยังยึดหลักคนไทยเข้าเล่น “กาสิโน” ต้องมีเงิน 50 ล้านบาท จับตาเตรียมชง “ครม.” ไฟเขียว 11 มี.ค.นี้


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา สำนักงานกฤษฎีกา ได้ส่งร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือ พ.ร.บ.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ กลับคืนให้คณะรัฐมนตรีเรียบร้อยแล้ว

โดยสาระสำคัญของหลักการและเหตุผลในกฎหมายฉบับนี้  ยังเป็นแนวทางการส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวรูปแบบใหม่ เพิ่มแหล่งท่องเที่ยวที่มนุษย์สร้างขึ้น รวมทั้งให้มีธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรเพื่อกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศ และเป็นการส่งเสริมการจ้างงานในประเทศ

แต่ไฮไลท์ที่อยู่ในความสนใจคือเรื่องการตั้งสถานกาสิโน อาทิ มาตรา 59 ที่กำหนดให้การจัดให้มีการเข้าเล่นหรือการพนันในกาสิโน ในสถานบันเทิงครบวงจรให้เป็นไปเป็น พ.ร.บ.นี้ โดยมิให้นำกฎหมายว่าด้วยการพนันมาใช้บังคับ

มาตรา 61 และมาตรา 62 ห้ามมิให้ผู้ได้รับใบอนุญาต และบุคคลใด จัดให้มีการเข้าเล่นหรือเข้าพนันผ่านการเชื่อมต่อระบบคอมพิวเตอร์ หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นใดกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เพื่อให้บุคคลภายนอกกาสิโนเข้าเล่นหรือเข้าพนันได้ หรือถ่ายถอดการเล่น หรือการพนันขันต่อเพื่อให้บุคคลภายนอกกาสิโนเข้าเล่นหรือเข้าพนันขันต่อได้

มาตรา 63 ต้องตรวจสอบและลงทะเบียนหนังสือเดินทางหรือบัตรประชาชน หรือเอกสารระบุตัวตนอื่น พร้อมภาพถ่ายในหน้าผู้เล่นหรือเข้าพนัน

มาตรา 65 ผู้มีสัญชาติไทย ที่จะเข้าเล่นกาสิโน ต้องลงทะเบียนชำระค่าธรรมเนียม มีเงินฝากในบัญชีเงินฝากประจำ ไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาท ต่อเนื่องกันไม่น้อยกว่า 6 เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง แสดงความเห็นถึงกรณีดังกล่าวว่า ข้อกำหนดที่ให้ผู้เข้าเล่นกาสิโนได้ต้องมีเงิน 50 ล้านบาท เป็นหลักคิดนี้แตกต่างจากหลักคิดของรัฐบาลบางส่วน เพราะกลไกที่ทางรัฐบาลทำ นอกจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ และลงทุนจากต่างชาติ ที่สำคัญคือการแก้ไขปัญหาการพนันผิดกฎหมายด้วย

อย่างไรก็ตามร่าง พ.ร.บ.ที่่ผ่านกฤษฎีกา ยังคงยืนยันหลักว่าคนไทยที่จะเข้าไปเล่นในกาสิโนของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะต้องมีเงินฝากในบัญชีไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท โดยร่างดังกล่าวจะเข้า ครม.อีกครั้งในวันที่ 11 มีนาคม ซึ่งต้องดูท่าที ครม.ว่าจะอนุมัติหรือไม่

Back to top button