CGSI มอง SET ไซด์เวย์ 1,170-1,235 จุด ชู 2 หุ้นเด่น BDMS-AP เด่น

CGSI มองกรอบ SET สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวไซด์เวย์ หรือไซด์เวย์ดาวน์ในกรอบซึม 1,170-1,235 จุด แนะลงทุน 2 หุ้นเด่นช่วงตลาดผันผวน BDMS-AP รับปัจจัยบวกเฉพาะ


บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ CGSI ระบุว่า ตลาดหุ้นสหรัฐปิดบวกในวันศุกร์ ทั้งดัชนีดาวโจนส์ Dow Jones เพิ่มขึ้น 1.39%, Nasdaq เพิ่มขึ้น 1.62% และ S&P500 เพิ่มขึ้น 1.59% โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวขึ้นแม้ว่าการประชุมระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐ Donald Trump และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ประสบความตึงเครียดก็ตาม

ทั้งนี้จากการปะทะคารมกันอย่างดุเดือดในการสนธนาที่ทำเนียบขาว ทำให้เกิดความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานการณ์สงคราม Russia Ukraine ซึ่งเพิ่มความกังวลต่อสภาวะเงินเฟ้อสหรัฐในระดับสูง ส่งผลให้ดัชนี US dollar index ซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยปิดบวกที่ 107.56 จุด เพิ่มขึ้น 0.25%

สำหรับตัวเลขเศรษฐกิจ ดัชนีรายจ่ายเพื่อการบริโภคสหรัฐ (PCE)  เดือน ม.ค. คืนวันศุกร์ที่ผ่านมา ทรงตัวตามตลาดคาดที่ 2.5% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน, 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา (vs. เดือนก่อน 2.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน, 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา) และดัชนี Core PCE ไม่รวมหมวดอาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้น 2.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน, 0.3% เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมาน้อยกว่าที่ตลาดคาด (vs. เดือนก่อนที่ 2.8% yoy)

สำหรับสัญญาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงอยู่ที่ 70.157 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลดลลง 0.21% ในคืนวันศุกร์ โดยเป็นการปรับตัวลงสู่ระดับใกล้เคียงกับช่วงปลายปี 67 โดยตลาดคาดว่าการปะทะคารมอย่างดุเดือดในทำเนียบขาว พร้อมกับการขู่ถอนการสนับสนุนจาก Ukraine ระหว่างการโต้เถียงนั้น แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนที่เป็นมิตรกับ Russia และมีโอกาสที่จะเกิด Oversupply เพิ่มขึ้น

โดยทางฝ่ายวิจัยคาดว่า SET Index สัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหว Sideway-Sideway down ในกรอบซึม 1,170-1,235 จุด

โดยติดตาม ดังนี้

1) ตัวเลขเงินเฟ้อไทย เดือน ก.พ. ตลาดคาดอยู่ที่ 1.13% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน 1.32%)

2) การจ้างงานนอกภาคการเกษตร ตลาดคาดเพิ่มขึ้น 146,000 ล้านตำแหน่ง วันพุธ และอัตราการว่างงาน เดือน ก.พ. วันศุกร์ ตลาดคาด 4.0%

3) การประชุม “สองสภา” ของจีน ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 4 มี.ค.68 โดยตลาดคาดว่าอาจส่งสัญญาณยอมรับแนวโน้มอุปสงค์ที่อ่อนแอในประเทศ และจะเปิดเผยมาตรการกระตุ้นทางการคลัง

4) กระทรวงการคลังเตรียมเสนอที่ประชุม ครม. อนุมัติการเปลี่ยนชื่อและวัตถุประสงค์ของกองทุน LTF เป็น Thai ESG X (TESGX) เพื่อรองรับผู้ถือหน่วย LTF ที่ไม่ได้ขาย อย่างไรก็ดี เราไม่คิดว่ามาตรการนี้จะลดการถอน LTF ได้มากนัก เนื่องจากผู้ที่ลงทุนมากกว่า 500,000 บาทยังคงสามารถคงเงินและไถ่ถอนส่วนที่เหลือได้

ทั้งนี้เชื่อว่าตลาดกำลังรับรู้เศรษฐกิจไทยที่เติบโตช้า และความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกไปพอสมควร

โดยเชื่อว่า demand zone ของ SET บริเวณ 1,120-1,200 จุด เป็นแนวรับที่มีนัยยะสำคัญ (อ้างอิงจากดัชนี SET index ในช่วง 2556-2568 ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน) และมี valuation ที่ไม่แพงบริเวณ -2S.D. หรือ Forward PE สำหรับปี 2568 ราว 12 เท่า และในปี 2569 ราว 11 เท่า

หุ้นแนะนำ ดังนี้

บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด(มหาชน) หรือ BDMS ท่ามกลางปัจจัยต่างประเทศที่ไม่แน่นอน และเศรษฐกิจไทยที่เติบโตช้า แนะนำกลุ่ม Defensive โดยเชื่อว่าสถิตินักท่องเที่ยวที่แข็งแกร่งทำให้รายได้จากผู้ป่วยต่างชาติเติบโตเร็วขึ้น และจะชดเชยรายได้ที่เติบโตอ่อนตัวจากผู้ป่วยชาวไทย ในปี 2568 (Take profit: 25.5 / Stop loss: 23.7)

บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AP บริษัทตั้งเป้า presales อยู่ที่ 5.5 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.6% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน) และตั้งเป้ารายได้รวมและยอดโอน JV อยู่ที่ 5.29 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.3% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน) ในปี 2568 เชื่อว่า EPS ในปี 2568 จะเติบโต 9.5% และมี Dividend yield สูงที่ 6.9-7.4% ใน 2567-2569 (Take profit: 9.35 / Stop loss: 8.55)

Back to top button