หุ้นยุโรปพุ่งทำนิวไฮ! แรงหนุนจากหุ้น “กลุ่มกลาโหม” หลายประเทศเพิ่มงบความมั่นคง

ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกแตะระดับสูงสุด หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศที่พุ่งแรง หลังผู้นำยุโรปเตรียมเพิ่มงบกลาโหมเพื่อเสริมขีดความสามารถทางทหาร ขณะเดียวกันกระแสข่าวแนวทางหยุดยิงในยูเครนช่วยหนุนบรรยากาศการลงทุน นักลงทุนยังจับตาการประชุม ECB และมาตรการภาษีสหรัฐฯ ซึ่งอาจเป็นปัจจัยชี้ทิศทางตลาดในระยะต่อไป


ตลาดหุ้นยุโรปปิดบวกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในวันจันทร์ (3 มี.ค.68) ได้แรงหนุนหลักจากหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ท่ามกลางสัญญาณการเพิ่มงบประมาณกลาโหมทั่วทั้งภูมิภาค และกระแสข่าวเกี่ยวกับความเป็นไปได้ของข้อเสนอเพื่อยุติสงครามในยูเครน

  • ดัชนี STOXX 600 ปิดตลาดที่ระดับ 563.13 จุด เพิ่มขึ้น 5.94 จุด (+1.07%)
  • ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศส ปิดที่ 8,199.71 จุด เพิ่มขึ้น 88.08 จุด (+1.09%)
  • ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนี ปิดที่ 23,147.02 จุด เพิ่มขึ้น 595.59 จุด (+2.64%)
  • ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอน ปิดที่ 8,871.31 จุด เพิ่มขึ้น 61.57 จุด (+0.70%)

แรงซื้อหลักมาจากหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ซึ่งดัชนีเฉพาะกลุ่มนี้พุ่งขึ้นถึง 7.7% ทำสถิติสูงสุดใหม่ โดยหุ้น Rheinmetall ของเยอรมนีพุ่งขึ้น 13.7%, Leonardo ของอิตาลีเพิ่มขึ้น 16%, ขณะที่ BAE Systems ของอังกฤษและ Thales ของฝรั่งเศสปรับตัวขึ้น 14.5% และ 16% ตามลำดับ ปัจจัยหลักมาจากข้อตกลงของผู้นำยุโรปในช่วงสุดสัปดาห์ ที่มุ่งแสดงศักยภาพด้านความมั่นคงให้สหรัฐฯ เห็นว่า ยุโรปสามารถพึ่งพาตัวเองได้

นอกจากนี้ แหล่งข่าวระบุว่า พรรคการเมืองในเยอรมนีอยู่ระหว่างการพิจารณาจัดตั้ง “กองทุนกลาโหมพิเศษ” เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมในประเทศ

ตลาดยังได้แรงหนุนเพิ่มเติมจากรายงานของรัฐบาลอังกฤษ ที่ระบุว่า มีแนวทางที่เป็นไปได้หลายแนวทางในการหยุดยิงในยูเครน หลังเกิดความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ และประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกีของยูเครน

คริส โบแชมป์ หัวหน้านักวิเคราะห์ตลาดของ IG ให้ความเห็นว่า แม้ว่ากระแสข่าวแผนสันติภาพยูเครนจะช่วยหนุนตลาดในวันนี้ แต่ปัจจัยขับเคลื่อนหลักคือการคาดการณ์ว่ายุโรปจะเร่งเสริมสร้างขีดความสามารถทางการทหาร

ขณะที่แนวโน้มทางเศรษฐกิจ ยูโรโซนรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อในเดือนกุมภาพันธ์ลดลงน้อยกว่าที่คาด แต่บางองค์ประกอบที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จับตามองได้ปรับลดลง ซึ่งอาจเป็นปัจจัยที่เปิดทางให้ ECB พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้

อย่างไรก็ตามนักลงทุนยังคงจับตาท่าทีของ ECB ต่อความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนกำหนดการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ กับ เม็กซิโก, แคนาดา และจีน ในวันนี้ (4 มี.ค.68)

แม้ว่าตลาดหุ้นยุโรปจะพุ่งขึ้นจากแรงหนุนของหุ้นกลุ่มกลาโหม และความคาดหวังต่อข้อเสนอหยุดยิงในยูเครน แต่ยังมีปัจจัยเสี่ยงที่ต้องติดตาม เช่น นโยบายการเงินของ ECB และความไม่แน่นอนด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจเปลี่ยนแปลงแนวโน้มตลาดได้ทุกเมื่อ

นักลงทุนควรจับตาการประชุม ECB ในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจเป็นตัวแปรสำคัญต่อกระแสเงินทุน นอกจากนี้ การตอบสนองของตลาดต่อมาตรการภาษีของสหรัฐฯ โดยเฉพาะต่อภาคอุตสาหกรรมยุโรป จะเป็นอีกปัจจัยที่กำหนดทิศทางตลาดในระยะต่อไป

Back to top button