
SMD100 เสนอจ่ายปันผล 0.75 บ. เดินหน้าสู่ “Healthcare Ecosystem”
SMD100 เผยบอร์ดเสนอปันผลปี 2567 รวม 0.75 บ./หุ้น หากอนุมัติ 3 เม.ย. นี้ จ่ายส่วนที่เหลือ 0.25 บ./หุ้น 21 เม.ย. พร้อมปรับโครงสร้างสู่ 5 หน่วยธุรกิจ มุ่งสู่ Healthcare Ecosystem Provider ขยายฐานรายได้-ลงทุนเทคโนโลยีขั้นสูง
ดร.วิโรจน์ วสุศุทธิกุลกานต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสเอ็มดี ไรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SMD100 เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัทมีมติเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2568 เสนอให้ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 ในวันที่ 19 เมษายน 2568 พิจารณาอนุมัติการจ่ายเงินปันผลสำหรับปี 2567 ในอัตรา 0.75 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.50 บาทต่อหุ้น เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติในวันที่ 3 เมษายน 2568 บริษัทจะจ่ายเงินปันผลส่วนที่เหลืออีก 0.25 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 21 เมษายน 2568
ทั้งนี้ หากได้รับอนุมัติ บริษัทจะจ่ายเงินปันผลรวม 609.82 ล้านบาทในช่วง 5 ปี โดยได้จ่ายไปแล้ว 557.89 ล้านบาท และจะจ่ายเพิ่มอีก 51.93 ล้านบาทในวันที่ 21 เมษายน 2568
ดร.วิโรจน์ กล่าวอีกว่า แม้กำไรสุทธิของบริษัทลดลงในปีที่ผ่านมา แต่เป็นผลจากการลงทุนเพื่อการเติบโตระยะยาว ไม่ใช่สัญญาณถดถอยของธุรกิจ โดยบริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) ที่ 0.70 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม พร้อมมีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด 242.66 ล้านบาท และ Backlog มูลค่า 579.06 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้เป็นรายได้ในอนาคต
นอกจากนี้ บริษัทได้ปรับโครงสร้างเป็น 5 หน่วยธุรกิจหลัก ได้แก่ 1. SMD Genesis Co.,Ltd. (2) SMD Sappaya Co.,Ltd. (3) SMDi Co.,Ltd. (4) SMD Connex Co.,Ltd. และ5) SMD rise Global Business Unit
พร้อมเปลี่ยนชื่อจาก “เซนต์เมด” เป็น “เอสเอ็มดี ไรส์” เพื่อสะท้อนวิสัยทัศน์การเปลี่ยนผ่านสู่ผู้ให้บริการระบบนิเวศด้านสุขภาพครบวงจร (Healthcare Ecosystem Provider)
ดร.วิโรจน์ กล่าวต่อว่า บริษัทเดินหน้าจัดตั้ง SMD Connex Co., Ltd. เพื่อดำเนินธุรกิจ Medical IT ในรูปแบบ Device as a Service (DaaS) และ Software as a Service (SaaS) ซึ่งสร้างรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income)
นอกจากนี้ มีแผน Spin-off บริษัท เอสเอ็มดี สัปปายะ จำกัด ที่มุ่งเน้นธุรกิจ Longevity & Wellness เพื่อเพิ่ม Fund Flow และดึงมูลค่าแฝงของธุรกิจออกมา พร้อมวางกลยุทธ์ “10S” ครอบคลุมความต้องการด้านสุขภาพแบบองค์รวม เช่น Sleep, Stress, Slim, Skin และ Super Smart Exercise เป็นต้น
บริษัทมีศูนย์ตรวจการนอนหลับมาตรฐานระดับสากล และได้รับผลบวกจากกฎหมายประกันสังคมฉบับใหม่ที่ครอบคลุมค่ารักษาโรคหยุดหายใจขณะหลับด้วยเครื่อง CPAP รวมถึงการสนับสนุนจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.)
อีกทั้ง บริษัทอยู่ระหว่างลงทุนในเทคโนโลยีรักษามะเร็ง Proton Therapy ผ่าน SMDi Co., Ltd. โดยร่วมมือกับโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ คาดว่าจะสร้างรายได้ 12,000 ล้านบาท ตลอดอายุสัญญา 20 ปี และมีแผน Spin-off ธุรกิจนี้เพื่อเพิ่มมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น
ขณะที่ SMD100 วางแนวทางการดำเนินธุรกิจในอนาคตโดยมุ่งสู่โมเดลรายได้ต่อเนื่อง (Recurring Income) ผ่าน Revenue Sharing, DaaS, Subscription Services และ Clinical Information Systems
ทั้งนี้ บริษัทเร่งกระจายฐานลูกค้าสู่ภาคเอกชน เพื่อลดการพึ่งพารายได้จากภาครัฐที่ปัจจุบันมีสัดส่วน 66.92% โดยเน้นธุรกิจ Longevity & Wellness และ Digital Health
“SMD rise มุ่งมั่นพัฒนาองค์กรตามวิสัยทัศน์ ‘Leading Healthcare with Cutting-Edge Innovation’ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนและผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น” ดร.วิโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย