ORN ตั้งเป้ายอดขายปี 68 แตะ 2.4 พันล้านบาท เจาะกลุ่มตลาดพรีเมียม

ORN แผนเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่า 2,000 ล้านบาท เน้นตลาดระดับพรีเมียมและขยายธุรกิจในภูเก็ต พร้อมตั้งเป้ายอดขายปี 68 แตะ 2.4 พันล้านบาท


นายอรรคเดช อุดมศิริธำรง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อรสิริน โฮลดิ้ง จํากัด (มหาชน) หรือ ORN เปิดเผยข้อมูลภาพรวมธุรกิจของบริษัทผ่านงาน Opportunity Day จัดโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ในวันที่ 4 มี.ค.68 ว่าผลประกอบการปี 67 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 140.56 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 1,366.02 ล้านบาท เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากรายได้ขายอสังหาริมทรัพย์โครงการแนวราบและแนวสูง รวมถึงรายได้จากการเช่าและบริการ

ส่วนแนวโน้มปี 2568 บริษัทวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 2 โครงการ รวมมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านบาท โดยมุ่งเน้นตลาดระดับพรีเมียม ประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียม 1 โครงการ และโครงการบ้านหรู 1 โครงการ ขณะที่โครงการระดับราคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท จะเน้นการบริหารและจำหน่ายสินค้าคงเหลือเป็นหลัก

ขณะเดียวกันบริษัทมีโครงการที่อยู่ระหว่างการพิจารณาเปิดตัวเพิ่มเติมอีก 4-5 โครงการ ซึ่งจะประเมินสถานการณ์ตลาดก่อน หากแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี อาจมีการเปิดตัวโครงการเพิ่มเติมในช่วงไตรมาสที่ 2 หรือ 3

ขณะที่เป้าหมายยอดขายในปี 2568 บริษัทตั้งเป้าไว้ที่ 2,400 ล้านบาท ซึ่งลดลงเล็กน้อยจากปีก่อน เนื่องจากมีการเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนมากในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2567 อย่างไรก็ตาม บริษัทตั้งเป้ายอดโอนเติบโตขึ้น 73% หรือประมาณ 2,200 ล้านบาท โดยมั่นใจว่าสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 1,772 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ 1,200 ล้านบาทพร้อมโอนภายในปี 2568 ส่งผลให้บริษัทต้องทำยอดขายใหม่เพียง 1,000 ล้านบาท หรือเฉลี่ยเดือนละ 80 ล้านบาท ซึ่งเป็นเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้สูง

“สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนาโครงการสำหรับกลุ่มลูกค้าระดับกลางถึงบน โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองและโครงการบ้านหรู เนื่องจากกลุ่มลูกค้าระดับกลางล่างยังคงประสบปัญหาด้านการขอสินเชื่อจากสถาบันการเงิน” นายอรรคเดช กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนขยายแบรนด์ ASTRA ซึ่งเป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมหรู เนื่องจากสินค้าคงเหลือในปัจจุบันมีปริมาณลดลง อีกทั้งยังคงเดินหน้าขยายการลงทุนไปยังจังหวัดภูเก็ตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมองเห็นโอกาสการเติบโตของตลาดที่มีความใกล้เคียงกับจังหวัดเชียงใหม่

โดยในด้านการพัฒนาโครงการใหม่ บริษัทเตรียมลงทุนในโครงการ Mixed-use ภายใต้ชื่อ “The Backyard” ซึ่งเป็น Community Mall ขนาดประมาณ 2,800 ตารางเมตร ด้วยงบประมาณกว่า 200 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในไตรมาสแรกของปีนี้

ส่วนโครงการอาคารพาณิชย์ที่เลื่อนจากปีที่ผ่านมา คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ภายในเดือนมีนาคม ขณะที่โครงการบ้านแบรนด์ Habitat ซึ่งเป็นบ้านหรูระดับราคา 20-35 ล้านบาท ตั้งอยู่บนถนนมหิดล จะเริ่มเปิดขายได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 และเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาสแรกของปี 2569 ส่วนโครงการคอนโดมิเนียม ASTRA แห่งใหม่ ซึ่งเป็นอาคารสูง 15-16 ชั้น ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเชียงใหม่ มูลค่าโครงการประมาณ 1,300-1,500 ล้านบาท คาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ภายในไตรมาสที่ 4 และเริ่มรับรู้รายได้ในปี 2571

ปัจจุบัน บริษัทมีโครงการอสังหาริมทรัพย์รวมทั้งสิ้น 26 โครงการ โดยกระจายตัวอยู่ในจังหวัดเชียงใหม่เป็นหลัก และอีก 1 โครงการตั้งอยู่ในจังหวัดภูเก็ต นอกจากนี้ บริษัทยังมีการดำเนินการด้านธุรกิจการศึกษา โดยปัจจุบันโรงเรียนนานาชาติที่บริษัทพัฒนาอยู่ อยู่ระหว่างการก่อสร้างในเฟสที่ 2 ซึ่งคาดว่าจะสามารถเปิดการศึกษาได้ภายในเดือนกันยายน ปี 2568

สำหรับงบประมาณการลงทุนในปี 2568 บริษัทตั้งงบลงทุนรวมไว้ที่ประมาณ 1,469 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นงบซื้อที่ดินในจังหวัดเชียงใหม่และภูเก็ตกว่า 500 ล้านบาท และงบลงทุนสำหรับโครงการโรงเรียนและ Community Mall อีกกว่า 600 ล้านบาท

ในส่วนของโรงเรียนนานาชาติ ปัจจุบันได้ดำเนินการก่อสร้างเฟสแรกแล้วเสร็จ จำนวน 2 อาคาร และอยู่ระหว่างการก่อสร้างเฟสที่ 2 อีก 4 อาคาร ด้วยงบลงทุน 232 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จทันก่อนเปิดภาคการศึกษา โดยในปีแรกของการเปิดรับนักเรียน บริษัทได้รับใบสมัครแล้วจำนวน 142 ใบ ครอบคลุมระดับชั้น Nursery ถึง Year 6 โดยมีนักเรียนที่สอบผ่านและได้รับการตอบรับประมาณครึ่งหนึ่ง และจะมีการสอบเพิ่มเติมในวันที่ 29 มีนาคม คาดว่าจะสามารถรับนักเรียนได้ใกล้เคียงเป้าหมายที่ 120 คน จากจำนวนที่สามารถรองรับได้สูงสุด 160 คน

ปัจจุบัน โรงเรียนได้รับใบอนุญาตหลักสูตรและใบอนุญาตใช้อาคารแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการตรวจสอบจากกระทรวงศึกษาธิการเพื่อออกใบอนุญาตโรงเรียน คาดว่าจะได้รับภายในสิ้นเดือนเมษายน บริษัทเชื่อว่าโครงการโรงเรียนนานาชาติจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนรายได้และสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจในระยะยาว

Company Snapshot

Back to top button