
หุ้นสหรัฐดิ่งต่อเนื่อง! ดาวโจนส์ ร่วง 670 จุด เซ่นพิษ “เทรดวอร์” ทวีความรุนแรง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ดิ่งแรง! ดาวโจนส์ร่วง 670 จุด หลังสงครามการค้าปะทุ จีน-แคนาดาตอบโต้ทันควัน ขณะราคาน้ำมันร่วงต่ำสุดในรอบหลายเดือน
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบแรงในวันอังคาร (4 มี.ค. 2568) โดยดัชนีสำคัญทั้ง 3 ตัวร่วงลง หลังจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับคู่ค้าหลักพุ่งสูงขึ้น
- ดัชนีดาวโจนส์ (.DJI) ปิดที่ 42,520.99 จุด ลดลง 670.25 จุด (-1.55%)
- ดัชนี S&P 500 (.SPX) ปิดที่ 5,778.15 จุด ลดลง 71.57 จุด (-1.22%)
- ดัชนี Nasdaq Composite (.IXIC) ปิดที่ 18,16 จุด ลดลง 65.03 จุด (-0.35%)
ตลาดหุ้นเผชิญแรงกดดันจากการที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามบังคับใช้ ภาษีนำเข้า 25% สำหรับสินค้าจากเม็กซิโกและแคนาดา พร้อมเพิ่มภาษีนำเข้าจากจีนเป็น 2 เท่า จาก 10% เป็น 20% ซึ่งมีผลตั้งแต่วันที่ 4 มี.ค.68
การตัดสินใจดังกล่าวนำไปสู่มาตรการตอบโต้ทันทีจากจีนและแคนาดา ไม่ว่าจะเป็น
- จีน ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารจากสหรัฐฯ 15% มีผลตั้งแต่วันที่ 10 มี.ค.68
- แคนาดา โดยนายกรัฐมนตรี จัสติน ทรูโด ตอบโต้ด้วยการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 25% ต่อสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯ
- เม็กซิโก ภายใต้การนำของ ประธานาธิบดีคลอเดีย ชีนบัม เตรียมประกาศมาตรการตอบโต้อย่างเป็นทางการในวันที่ 9 มี.ค.นี้
ขณะเดียวกัน ตลาดจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรของสหรัฐในวันศุกร์นี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงานจะเพิ่มขึ้น 156,000 ตำแหน่งในเดือนก.พ. หลังจากเพิ่มขึ้น 143,000 ตำแหน่งในเดือนม.ค. และคาดว่าอัตราว่างงานทรงตัวที่ระดับ 4.0%
นอกจากแรงกดดันจากภาษี ศักยภาพในการเพิ่มอุปทานน้ำมันจากโอเปกพลัส (OPEC+) ยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาน้ำมันในวันอังคาร
ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ร่วงลง 58 เซนต์ (-0.8%) ปิดที่ 71.04 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แตะระดับต่ำสุดที่ 69.75 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนกันยายน ราคาน้ำมันดิบ WTI ของสหรัฐฯ ลดลง 11 เซนต์ (-0.2%) ปิดที่ 68.26 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ทั้งนี้นักลงทุนจับตาดูท่าทีของ OPEC+ ในการประชุมเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ ซึ่งอาจมีการปรับเพิ่มกำลังการผลิต ส่งผลให้แนวโน้มราคาน้ำมันเผชิญแรงกดดันเพิ่มเติม