BANPU ลุย 4 กลยุทธ์ “Energy Symphonics” มุ่งเพิ่มกระแสเงินสด เรือธงชูธุรกิจก๊าซธรรมชาติ

BANPU ปักหมุด 4 แนวทางขับเคลื่อนกลยุทธ์ “Energy Symphonics” ชูธุรกิจก๊าซธรรมชาติ มุ่งเพิ่มกระแสเงินสด พร้อมบริหารโครงสร้างเงินทุนเพื่อรักษาวินัยการเงินสู่การเติบโตยั่งยืน


นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU ผู้นำด้านพลังงานที่หลากหลาย จัดแถลง “Energy Symphonics in Action” ขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้วยพลังบ้านปู ตอกย้ำความพร้อมรับมือเทรนด์โลก เน้นสร้างกระแสเงินสด สร้างโอกาสเติบโตในแต่ละกลุ่มธุรกิจในปี 2568 มุ่งขับเคลื่อนกลยุทธ์ Energy Symphonics ด้วย 4 แนวทางในการดำเนินธุรกิจบริษัทฯ ได้เผยถึง 4 แนวทางในการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ Energy Symphonics ประกอบด้วย

1.) การดำเนินงาน และบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ช่วยเพิ่มกระแสเงินสดและมูลค่าของธุรกิจ เช่น การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI และการลดต้นทุนในธุรกิจเหมือง 2.) การบริหารโครงสร้างเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรักษาระดับหนี้และทุนให้อยู่ในระดับเหมาะสมกับการเติบโตและผลประกอบการที่ดี

3.) การบริหารพอร์ต โฟลิโอเชิงกลยุทธ์ โดยเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่จะมาสร้างคุณค่าให้บริษัทฯ ในระยะยาว เช่น การสร้างการเติบโตของธุรกิจที่ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าของก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ และ 4.) การบริหารจัดสรรเงินทุนอย่างมีวินัย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ และผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น

นายสินนท์ กล่าวว่า เราประเมินกระแสการเปลี่ยนแปลงที่มีผลต่อทิศทางด้านพลังงานของโลกอย่างรอบด้าน รวมถึงนโยบายและแผนพลังงานในประเทศยุทธศาสตร์ ในปีนี้เรามุ่งเน้นการจัดสรรเงินทุนไปยังสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนสูงและการปรับโครงสร้างอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนอย่างสมดุลที่สนับสนุนการเติบโตอย่างยั่งยืน เราเชื่อมั่นว่ากลยุทธ์ Energy Symphonics จะทำให้บ้านปูเป็นบริษัทพลังงานที่แตกต่างที่เป็นส่วนสำคัญในการเสริมสร้างความมั่นคง ด้านพลังงานและร่วมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ ไปพร้อม ๆ กับการสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นได้อย่างยั่งยืน

นอกจาก 4 แนวทางข้างต้น ในปี 2568 แต่ละธุรกิจเรือธงของบริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการดำเนินตามแผน โดยธุรกิจก๊าซธรรมชาติจะสร้างการเติบโตเชิงกลยุทธ์ทั้งธุรกิจต้นน้ำและกลางน้ำ โดยจัดสรรเงินลงทุนอย่างเหมาะสมตามสถานการณ์ราคาก๊าซ ด้านธุรกิจเหมือง มุ่งผสาน AI และเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดคาร์บอนผ่านการใช้พลังงานหมุนเวียนและระบบการจัดการอัจฉริยะ ในขณะที่ธุรกิจไฟฟ้า ตั้งเป้าลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพิ่มเติมอีก 1,500 เมกะวัตต์

โดยเฉพาะในประเทศยุทธศาสตร์ และธุรกิจพลังงานหมุนเวียนและเทคโนโลยีพลังงาน เน้นลงทุนเชิงกลยุทธ์ที่จะเสริมการทำงานระหว่างระบบกักเก็บพลังงานด้วยแบตเตอรี่ (BESS) และซอฟต์แวร์ที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน เพื่อสนับสนุนให้พลังงานหมุนเวียนมีความต่อเนื่องยิ่งขึ้น

สำหรับผลประกอบการปี 2567 บริษัทฯ รายงานรายได้จากการขายรวม 5,148 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 181,549 ล้านบาท) กำไรก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคา (EBITDA) รวม 1,330 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 46,970 ล้านบาท) กำไรจากการดำเนินงาน 83.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 2,964 ล้านบาท) และผลขาดทุนสุทธิ 23.67 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 682.42 ล้านบาท) ซึ่งเป็นผลกระทบจากการด้อยค่าเงินลงทุนจากการขายสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้านาโกโซ ในประเทศญี่ปุ่น และ

ส่วนการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินบาท โดยมีความคืบหน้าที่สำคัญในปีที่ผ่านมา ได้แก่ การเสนอขายหุ้น IPO ของ BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ

ทั้งนี้ บ้านปูในสหรัฐฯ ใน ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) การขายสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้านาโกโซ ในประเทศญี่ปุ่น การได้รับเงินสนับสนุน (Subsidy) จากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (METI) ในการพัฒนาโครงการแบตเตอรี่ฟาร์มแห่งใหม่ 2 โครงการ ในญี่ปุ่น ได้แก่ โครงการ Aizu (ไอสึ) และโครงการ Tsuno (ซึโนะ) กำลังการผลิตรวม 208 เมกะวัตต์ชั่วโมง ที่คาดว่าจะสามารถ

โดยเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 2/2571 และการพัฒนาโครงการ CCUS ของ BKV ที่ชื่อว่าโครงการ Eagle Ford (อีเกิ้ล ฟอร์ด) ซึ่งคาดว่าจะสามารถกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 90,000 ตันต่อปี และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างสมบูรณ์ในไตรมาส 1/2569

Back to top button