
เปิดโผ 19 บจ. mai กำไรปี 67 โตเกิน 1 เท่าตัว
ขนทัพ 19 หุ้นกลุ่ม mai โชว์กำไรปี 2567 เติบโตเกิน 100% เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน นำทีมเด่น APO,IND,AMARC,TITLE,K ลุ้นผลงานปี 68 โตแกร่งต่อเนื่อง
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลผลประกอบการบริษัทหลักทรัพย์ในตลาดเอ็ม เอ ไอ (mai) มีกำไรสุทธิปี 2567 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.2567 เติบโตเกิน 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยพบว่ามีจำนวน 19 บริษัท ได้แก่ APO,IND,AMARC,TITLE,K,PMC,JPARK,LTS,SENX,AF,SEI,PDG,VL,FLOYD, KWM,AKP,SWC,BM,PACO โดยจะขอนำเสนอข้อมูลประกอบการลงทุนดังนี้
บริษัท เอเชียนน้ำมันปาล์ม จำกัด (มหาชน) หรือ APO รายงานผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 107.06 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 724.31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 12.99 ล้านบาท โดยปัจจัยหลักมาจากการเติบโตของรายได้ในธุรกิจน้ำมันปาล์ม และต้นทุนต่อหน่วยที่ลดลง พร้อมกันนี้บริษัทฯมีรายได้จากการดำเนินงานในธุรกิจน้ำมันปาล์ม 1,782.32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2566 จำนวน 264.47 ล้านบาท หรือ 17.42% โดยมีปัจจัยหนุนหลักจากอัตราการใช้กำลังการผลิต (Utilization rate) ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในช่วงไตรมาส 2 และ 3 ปี 2567 ซึ่งเป็นผลมาจากปริมาณทะลายปาล์มสดที่เพิ่มขึ้น
นอกจากนี้บริษัทฯยังได้รับปัจจัยบวกจากโครงการ “ตัดสุก มีสุข (Asian Plus+)” ที่ร่วมมือกับเกษตรกรในพื้นที่ ส่งผลให้วัตถุดิบที่เข้าสู่กระบวนการผลิตมีคุณภาพสูงขึ้น และช่วยให้อัตราการสกัดน้ำมันปาล์มดิบ (Crude Palm Oil Extraction Rate: OER) ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับราคาขายน้ำมันปาล์มดิบเฉลี่ยตลอดปีที่ปรับตัวสูงขึ้นจากปัจจัยด้านอุปสงค์
พร้อมกันนี้ บริษัทเตรียมปันผลจากงวดดำเนินงานวันที่ 1 ม.ค. 67 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 67 และกำไรสะสม เป็นเงินสด 0.04 บาท กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 7 พ.ค.68 และกำหนดจ่าย 28 พ.ค.68
ขณะที่แนวโน้มปี 2568 บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าพัฒนาโครงการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในทุกธุรกิจ ควบคู่ไปกับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะการบริหารจัดการวัตถุดิบในธุรกิจน้ำมันปาล์ม เพื่อลดความผันผวนที่เกิดจากปัจจัยทางธรรมชาติ และเพิ่มอัตรากำไรให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง
บริษัท อินเด็กซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ IND รายงานผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 57.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 333.19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 13.36 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากมีรายได้การให้บริการ อยู่ที่ 794.36 ล้านบาท คิดเป็น 99.59% ของรายได้รวม ซึ่งรายได้หลักมาจากงานออกแบบพร้อมก่อสร้าง มีสัดส่วนสูงสุดที่ 76.04% ตามด้วยรายได้จากงานบริหารโครงการและควบคุมงานก่อสร้าง 17.70% งานออกแบบเบื้องต้นและออกแบบรายละเอียด 5.14% รวมทั้งงานให้บริการอื่นๆ คิดเป็น 0.71%
ทั้งนี้รายได้จากการให้บริการในปี 67 เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้าอยู่ที่ 36.34 ล้านบาท หรือ 4.79% โดยมีปัจจัยหลักจากการรับรู้รายได้ของโครงการขนาดใหญ่ที่ดำเนินงานต่อเนื่องจากปีก่อนหน้า รวมถึงการได้รับงานใหม่เพิ่มเติมในปี 67
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสดสำหรับงวดดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ม.ค.67 ถึง 31 ธ.ค.67 โดยจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.0662 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 2 พ.ค.68 และกำหนดจ่ายเงินปันผล 20 พ.ค.68
สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างในปี 2568 มีแนวโน้มฟื้นตัวที่ดีขึ้น จากการที่รัฐบาลมีแรงขับเคลื่อนในการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยผลักดันให้มีงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ออกมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานอื่นๆ ที่ยังมีแนวโน้มขยายตัว ทำให้เห็นสัญญาณบวกที่ส่งผลดีต่อธุรกิจ ซึ่งปีนี้บริษัทฯ ตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ไว้ไม่ต่ำกว่า 10-15% เทียบกับปีที่ผ่านมา โดยทยอยรับรู้รายได้จาก Backlog ที่มีอยู่ประมาณ 2,924 ล้านบาท (ณ สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2567)
บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMARC รายงานผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 39.90 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 313.70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อน มีกำไรสุทธิ 9.64 ล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 349.08 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.8% จากปี 2566 โดยมีการเติบโตมาจากธุรกิจบริการตรวจวิเคราะห์ (Testing),บริการสอบเทียบ (Calibration), บริการตรวจสอบและรับรองระบบ (IC) และบริการอบรมและสัมมนาเพิ่มขึ้น
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสดสำหรับงวดดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ม.ค.67 ถึง 31 ธ.ค.67 โดยจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.02 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 28 เม.ย.68 และกำหนดจ่ายเงินปันผล 16 พ.ค.68
บริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE รายงานผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 91.23 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 310.81% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 22.21 ล้านบาท โดยบริษัทมีรายได้จากการขายและการให้บริการสำหรับปี 2567 เท่ากับ 1,250.74 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 813.18 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการที่เสร็จแล้วในปัจจุบัน โดยหลักรายได้มาจากการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดโครงการ The Title Halo
นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้อื่นสำหรับปี 2567 เท่ากับ 36.56 ล้านบาท ซึ่งรายได้ส่วนนี้มาจากค่าบริหารนิติบุคคลอาคารชุดการยึดเงินจองและเงินดาวน์ของลูกค้าที่ผิดสัญญา,ค่าเปลี่ยนสัญญา และรายได้จากบริษัทย่อย
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสดสำหรับงวดดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ม.ค.67 ถึง 31 ธ.ค.67 โดยจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.05 บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 30 เม.ย.68 และกำหนดจ่ายเงินปันผล 22 พ.ค.68
บริษัท คิงส์เมน ซี.เอ็ม.ที.ไอ. จำกัด (มหาชน) หรือ K รายงานผลการดำเนินงานปี 2567 บริษัทมีกำไรสุทธิ 50.62 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 263.26% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 13.94 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการให้บริการ 855.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.81 ล้านบาท หรือเติบโต 18% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สัดส่วนรายได้ที่เพิ่มส่วนใหญ่ เป็นส่วนของงานแสดงสินค้าและกิจกรรมทางการตลาด 105.46 ล้านบาท
ส่วนสายงานธุรกิจออกแบบและตกแต่งภายใน (Interior) มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น 18.46% โดยเน้นรับงานโครงการที่มีขนาดเล็กลง และเน้นรับงานในกลุ่มลูกค้าที่เป็นระดับลักซ์ชัวรี่ (Luxury) ที่สามารถบริหารจัดการได้ทั่วถึง ส่งมอบงานได้ตามกำหนดและ เน้นทำกำไรให้มากขึ้น
พร้อมกันนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการจ่ายปันผลเป็นเงินสดสำหรับงวดดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 ม.ค.67 ถึง 31 ธ.ค.67 โดยจะจ่ายปันผลในอัตรา 0.03บาทต่อหุ้น กำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 15 พ.ค.68 และกำหนดจ่ายเงินปันผล 28 พ.ค.68
สำหรับแนวโน้มผลการดำเนินธุรกิจในปี 2568 บริษัทยังคงให้ความสำคัญในการพิจารณาคัดเลือกลักษณะงานและลูกค้าเหมือนเช่นปีที่ผ่านมา ที่ยังคงมุ่งเน้นงานที่บริษัทมีความชำนาญเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น รวมถึงพิจารณาความสามารถในการชำระหนี้ของลูกค้า เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดหนี้เสียในระบบซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในสภาวะการณ์เศรษฐกิจปีนี้ที่มีแนวโน้มทรงตัว โดยจะดำเนินการควบคู่ไปกับการควบคุมต้นทุนในองค์กร และการขับเคลื่อนเพื่อพัฒนาความยั่งยืนในทุกภาคส่วนอย่างเป็นรูปธรรม
นอกจากนี้บริษัทยังไม่หยุดมองหาลู่ทางธุรกิจใหม่ๆ กลุ่มลูกค้าใหม่ๆ เพื่อขยายการเติบโตและสร้างความมั่งคงทางธุรกิจในระยะยาว โดยมีแผนงานและเป้าหมายการเติบโตของยอดขายเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า 20% และมีกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 25-35% ต่อปี ใน 3-5 ปี เริ่มต้นนับจากปี 2567 เป็นต้นไป
ส่วนบริษัทที่เหลือดูจากตารางประกอบ ดังนี้