
กกร. ห่วงภาษี “ทรัมป์” กระทบส่งออก “เหล็ก-อะลูมิเนียม” ไทย ขอรัฐเตรียมรับมือ
กกร. เตือนนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่จะปรับขึ้นภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมถึง 25% อาจกระทบการส่งออกของไทย เสนอรัฐบาลบูรณาการข้อมูลด้านการค้าเจรจาเพื่อรับมือ พร้อมคาดเศรษฐกิจไทยปี 2568 เผชิญความเสี่ยงสูง แนะ ธปท. ลดดอกเบี้ยอีกช่วยหนุนการเติบโต
วันนี้ (5 มี.ค.68) นายเกรียงไกร เธียรนุกูล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ในฐานะประธาน คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) กล่าวว่า การปรับขึ้นภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมของสหรัฐฯ จาก 10% เป็น 25% และยกเลิกข้อยกเว้นรายประเทศ ข้อตกลงตามโควตา รวมทั้งยกเลิกการยกเว้นภาษีแบบรายสินค้า ทำให้ผู้ประกอบการไทยที่มีการส่งออกเหล็กและอะลูมิเนียมไปยังสหรัฐฯ จะต้องแบกรับภาระภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้น
กกร. จึงเสนอขอให้ภาครัฐเร่งบูรณาการข้อมูลการค้าในทุกมิติระหว่างไทยและสหรัฐฯ อาทิ ดุลการค้า ดุลภาคบริการและดิจิทัล ดุลภาคขนส่ง ดุลภาคการศึกษา เป็นต้น เพื่อนำมาวิเคราะห์กำหนดท่าทีร่วมกับภาคเอกชน ในการเจรจาการค้าระหว่าง 2 ประเทศ รวมทั้งกำหนดยุทธศาสตร์ในการรับมือนโยบายปรับขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และผลกระทบจากสงครามการค้า เพื่อบรรเทาผลกระทบของผู้ประกอบการและสร้างโอกาสทางการค้าใหม่ ๆ ลดการพึ่งพาตลาดเดิม
สำหรับเศรษฐกิจไทย ปี 2568 เผชิญความเสี่ยงสูง โดยสำนักวิจัยในต่างประเทศปรับลดประมาณการ GDP ไทยลง เหลือ 2.6% จากเดิมอยู่ที่ 2.7% ท่ามกลางความเสี่ยงจากนโยบายการค้าและแรงกดดันต่อภาคการผลิตที่จะยังมีต่อเนื่อง ส่วนอุปสงค์ภายในประเทศยังเปราะบางสอดคล้องกับมุมมองของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่นำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
ทั้งนี้ มาตรการเพิ่มเติมเพื่อลดผลกระทบและประคองการเติบโตทั้งในระยะสั้นและระยะยาวมีความจำเป็น โดยเฉพาะการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าโลก การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณ การลดต้นทุนผู้ประกอบการ ทั้งต้นทุนพลังงานและต้นทุนการเงิน โดยมองว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ยังสามารถลดดอกเบี้ยนโยบายได้อีก รวมถึงการยกระดับภาคการผลิตให้แข่งขันได้ในระยะยาว
กกร. ยังเห็นด้วยกับ ธปท. ที่จะขยายระยะเวลาการลงทะเบียนโครงการ “คุณสู้ เราช่วย” ให้แก่ลูกหนี้รายย่อยและ SMEs จนถึงวันที่ 30 เม.ย.68 เพื่อเพิ่มโอกาสในการช่วยเหลือลูกหนี้ขนาดเล็ก จำนวน 2.1 ล้านบัญชี ซึ่งมีหนี้รวมประมาณ 8.9 แสนล้านบาท โดยโครงการนี้มีมาตรการสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ การจ่ายตรง คงทรัพย์, จ่าย ปิด จบ, และลดผ่อนลดดอก ซึ่งจะช่วยลดภาระหนี้สินให้กับผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือในระยะสั้น และเตรียมพร้อมกับมาตรการระยะยาวที่รัฐบาลจะดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม กกร. ยังได้คงกรอบประมาณการเศรษฐกิจสำหรับปี 2568 คือ GDP ที่ 2.4-2.9% การส่งออก 1.5-2.5% และเงินเฟ้อ 0.8-1.2%