“เผ่าภูมิ” ปิ๊งไอเดีย ปรับภาษีรถ PHEV-HEV เสริมฐานผลิตไทย ชง ครม. เม.ย.นี้

ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล สั่ง บสย. ค้ำประกันรถกระบะมือหนึ่ง แก้ปัญหาประชาชนถูกปฏิเสธสินเชื่อ พร้อมแถลงข่าว 6 มี.ค.นี้ ส่วนการปรับเกณฑ์ภาษี PHEV เตรียมเสนอ ครม. เม.ย.นี้ พร้อมพิจารณาปรับภาษีแบตเตอรี่ในไตรมาส 2/2568 พร้อมผ่อนคลายเกณฑ์ LTV ช่วยภาคอสังหาริมทรัพย์


ดร.เผ่าภูมิ  โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่า การกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยผู้บริหารกรมสรรพสามิตลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรถยนต์ในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ วานนี้ (5 มี.ค.68) ซึ่งเป็นโรงงานประกอบรถยนต์ของ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด จังหวัดสมุทรปราการ

ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมตามมาตรการปรับปรุงเงื่อนไขอัตราภาษีรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภทประหยัดพลังงานแบบผสมที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงและไฟฟ้าที่สามารถเสียบปลั๊กประจุไฟฟ้า Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) ซึ่งได้ลงพื้นที่โรงงานประกอบรถยนต์ของ บริษัท BMW จำกัด และ บริษัท BYD ที่จังหวัดระยองในช่วงสิ้นเดือน ก.พ.68 ไปแล้ว

ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่า รถยนต์ PHEV เป็นรถยนต์ที่ไทยสนับสนุน เนื่องจากเป็นลูกผสมระหว่างรถสันดาปกับรถยนต์ EV ซึ่งเมื่อพิจารณากระบวนการผลิตพบว่ามีการนำเข้าชิ้นส่วนประกอบรถยนต์จำนวนมาก ซึ่งมากกว่าสายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าล้วน ทำให้เกิดซัพพลายเชนสูงมากจากผู้ผลิตต่างๆ เพื่อนำมาประกอบทำให้มีสายการผลิตที่กว้างและสนับสนุนการจ้างงานของคนไทย จึงเห็นควรปรับโครงสร้างภาษี PHEV โดยมี 3 ประเด็นพิจารณา

1.) แยกรถยนต์ PHEV ออกจาก HEV, 2.) ปรับเกณฑ์การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ เปลี่ยนเป็นมองที่ระยะวิ่งต่อการชาร์ต 1 ครั้ง เนื่องจากไม่ต้องการให้ผู้ผลิตสนใจเพียงแต่ผลิตรถยนต์ที่ผลิตการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนน้อย แล้วมองข้ามการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่

3.) ตัดเงื่อนไขเรื่องถังน้ำมันออกเพื่อให้การติดตั้งถังน้ำมันเกิดความเหมาะสม ไม่เล็กจนเกินไป ซึ่งเรื่องนี้จะนำเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในเดือน เม.ย.นี้ ส่วนการตั้งราคาขายต้องขึ้นอยู่กับระยะการวิ่งต่อการชาร์ต 1 ครั้งเป็นหลัก หากสามารถผลิตรถที่วิ่งได้ระยะไกลขึ้นจะถูกเก็บภาษีสรรพสามิตที่ลดลง มากกว่าผู้ผลิตที่ผลิตรถยนต์วิ่งได้สั้นกว่า

ส่วนเรื่องภาษีแบตเตอรี่ ประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตรถยนต์และแบตเตอรี่ ปัจจุบันภาษีแบตเตอรี่ทุกประเภทจัดเก็บอัตราเดียวที่ 8% ทำให้ไม่จูงใจการผลิตและไม่ปกป้องสิ่งแวดล้อม เช่น แบตเตอรี่ความจุน้อยและแบบความจุมากก็เก็บภาษีเหมือนกัน จะเปลี่ยนเป็นระบบภาษีขั้นบันได

โดยอิงจาก 2 ปัจจัย 1.) การชาร์ต 2.) ประจุต่อน้ำหนักจะต้องนำไปสู่การมีแบตเตอรี่น้ำหนักน้อยแต่จัดเก็บพลังงานไฟฟ้าได้จำนวนมาก และเอื้อต่อการรักษาสิ่งแวดล้อม ส่วนจะมีขั้นบันไดสำหรับแบตเตอรี่ทุกประเภทอย่างไร อยู่ระหว่างดำเนินการเขียนกฎหมายพิจารณา คาดว่าจะนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีได้ช้ากว่าภาษีรถยนต์ PHEV หรือประมาณช่วงไตรมาสที่ 2/2568 ซึ่งไทยคาดหวังว่าจะเกิดการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในอนาคต

ส่วนเรื่องตลาดยานยนต์ที่เกิดปัญหาเรื่องการปล่อยสินเชื่อ ดร.เผ่าภูมิ กล่าวว่าได้ดูตัวเลขเศรษฐกิจหลายตัวพบว่า กำลังซื้อไม่ได้แย่ สิ่งที่แย่คือการปล่อยสินเชื่อ คนไทยถูกปฏิเสธการเข้าถึงสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ ซึ่งกระทรวงการคลังได้สั่งการให้ บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เข้าดำเนินการโดยวันนี้ (6 มี.ค.2568) ทาง บสย.จะชี้แจงเรื่องนี้อย่างเป็นทางการ เน้นเข้าค้ำประกันรถยนต์กระบะใหม่มือหนึ่งเพื่อการพาณิชย์ เพื่อช่วยเหลือเรื่องการดำรงชีพของประชาชน

“จะเข้าค้ำประกันด้านผู้ปล่อยสินเชื่อรถกระบะใหม่เท่านั้น ทำให้สถาบันการเงินและบริษัทลูกที่เป็นรีสซิ่งไม่ต้องรับภาระตามเงื่อนไข วงเงินที่ใช้ค้ำมาจากเงินทุนของ บสย. ทำให้เรื่องไม่ต้องผ่านที่ประชุม ครม.สามารถทำได้ทันที โดยไม่ใช้วงเงินจากโครงการค้ำประกันสินเชื่อ บสย.SMEs ยั่งยืน (PGS ระยะที่ 11) ซึ่งกำลังดูข้อกฎหมายขั้นสุดท้าย คาดเริ่มได้ก่อนวันสงกรานต์ปี 2568 นี้ โดยโครงการคุณสู้ เราช่วยไม่ได้เกี่ยวข้องกับการเข้าค้ำประกันรถยนต์กระบะที่ บสย.กำลังดำเนินการนี้”  ดร.เผ่าภูมิ กล่าว

ดร.เผ่าภูมิ ยังกล่าวว่า อยากให้ ธปท.เร่งผ่อนคลายเกณฑ์อัตราส่วนการให้สินเชื่อบ้านโดยเทียบมูลค่า (Loan to Value : LTV) ส่วนจะผ่อนคลายบ้านหลังที่ 2 และ 3 ไปทั้งหมดหรือไม่ เป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งนำข้อเสนอแนะผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ลงรายละเอียดร่วมกัน

Back to top button