เปิดพอร์ตลงทุน “วายุภักษ์ 1” เน้นบิ๊กแคป ลุย PTT-KTB-GULF-DELTA

สำรวจพอร์ตลงทุน “วายุภักษ์ หนึ่ง” พบมีลงทุนทั้งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ตราสารหนี้ภาครัฐ/หุ้นกู้ และอีก 84 หุ้นในตลาดหลักทรัพย์ฯ ส่วนใหญ่เป็น “บิ๊กแคป” นำโดย 10 อันดับแรก PTT, SCB, TTB, KTB, ADVANC, AOT, BCP, GULF, DELTA, BDMS ส่วนหุ้นอื่น ๆ ที่วายุภักษ์ฯ เข้าลงทุนด้วย เช่น TRUE, CPF, IVL, MINT, TLI, BTS, KKP และ PR9


กองทุนรวม “วายุภักษ์ หนึ่ง” ได้รายงานสถานการณ์ลงทุนของกองทุนฯ สิ้นสุด ณ วันที่ 30 ธันวาคม 2567 พบว่ามีมูลค่าสินทรัพย์ (รวม) ประมาณ 4.7 แสนล้านบาท ด้วยการเข้าลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายทั้งในและต่างประเทศ เช่น สัญญาซื้อขายล่วงหน้า (สัญญาอ้างอิงกับอัตราแลกเปลี่ยน เพื่อป้องกันความเสี่ยง) รวมถึงตราสารหนี้ของภาครัฐและเอกชน

ทั้งนี้ ในส่วนของตราสารหนี้ภาครัฐ มีมูลค่าลงทุนโดยประมาณ 4.7 หมื่นล้านบาท และตราสารหนี้เอกชนประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท (Rating Investment Grade)

ส่วนสินทรัพย์ลงทุนที่นักลงทุนต่างติดตามคือ การลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจากในรายงานของกองทุนรวมวายุภักษ์ฯ พบว่ามีการเข้าลงทุนทั้งหมดรวม 84 หลักทรัพย์ (หุ้น) และส่วนใหญ่จะเป็นการลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่ หรืออยู่ในกลุ่ม SET100

สำหรับ 10 อันดับแรกที่กองทุนรวมวายุภักษ์ฯ เข้าลงทุน (ข้อมูล ณ 30 ธ.ค. 2567) นำโดย บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) จำนวน 3.4 พันล้านหุ้น มูลค่ารวม 1.1 แสนล้านบาท สัดส่วนถือหุ้น 12.16% 2.บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB จำนวน 785 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 9.2 หมื่นล้านบาท สัดส่วนถือหุ้น 23.32% 3.ธนาคารทหารไทยธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TTB จำนวน 1 หมื่นล้านหุ้น มูลค่ารวม 1.7 หมื่นล้านบาท สัดส่วนถือหุ้น 10.32%

4.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTB จำนวน 690 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้านบาท สัดส่วนถือหุ้น 4.94% 5.บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เวอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ ADVANC จำนวน 48 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 1.3 หมื่นล้านบาท สัดส่วนถือหุ้น 1.62% 6.บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT จำนวน 198 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 1.1 หมื่นล้านบาท สัดส่วนถือหุ้น 1.39% 7.บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP จำนวน 273 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 9.8 พันล้านบาท สัดส่วนถือหุ้น 19.84%

8.บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF จำนวน 159 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 9.4 พันล้านบาท 9.บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ DELTA จำนวน 60.8 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 9.2 พันล้านบาท และ 10.บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) จำนวน 312 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 7.6 พันล้านบาท สัดส่วน 1.97%

นอกจากนี้ กองทุนรวมวายุภักษ์ฯ ยังได้เข้าลงทุนในหุ้นอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีก เช่น บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TRUE จำนวน 450 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 5 พันล้านบาท, บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF จำนวน 148 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 3.3 พันล้านบาท, บริษัท อินโดรามาเวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL จำนวน 79 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 2 พันล้านบาท, บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT จำนวน 103 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 2.6 พันล้านบาท,

บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ TLI จำนวน 119 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 1.3 พันล้านบาท, บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS จำนวน 163 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 1 พันล้านบาท, ธนาคารเกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) หรือ KKP จำนวน 9.6 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 506 ล้านบาท และบริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 จำนวน 7 ล้านหุ้น มูลค่ารวม 189 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานถึงเกณฑ์การลงทุนในสินทรัพย์ลงทุนของกองทุนรวมวายุภักษ์ฯ โดยจะลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภท คือ 1.หลักทรัพย์สภาพคล่อง เช่น ตราสารภาครัฐ และเงินฝาก

2.หลักทรัพย์เชิงรุกและเชิงรับ เป็นสินทรัพย์ประเภทหลักที่กองทุนมุ่งเน้น โดยเฉพาะหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไทยและต่างประเทศ กองทุนจะเน้นลงทุนในกิจการที่มีอัตราผลตอบแทนดี มีสภาพคล่องสูง มีความมั่นคงในระยะยาว และมีความยั่งยืนในการดำเนินธุรกิจ โดยที่กองทุนให้ความสำคัญกับการลงทุนในหลักทรัพย์ที่มีคะแนน ESG Rating สูง เช่น

หุ้นใน SET100 ที่มีคะแนน ESG Rating สูงสุดสามอันดับแรก ระดับ A ขึ้นไป

หุ้นนอก SET100 ที่มีคะแนน ESG Rating ระดับ AA ขึ้นไป

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานและกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่มีลักษณะตามนโยบายที่กำหนด

และหลักทรัพย์อื่น ๆ เช่น ตราสารหนี้ ทองคำ และสินค้าโภคภัณฑ์

ส่วนการจ่ายเงินปันผลตอบแทน หรือเงินปันผล ให้กับผู้ถือหน่วยลงทุน จะจ่ายอย่างน้อยปีละ 2 ครั้ง มีอัตราผลตอบแทนขั้นต่ำ 3% และขั้นสูง 9% ต่อปี

Back to top button